17 พฤษภาคม 2555

เคล็ดไม่ลับ! ที่ต้องรู้!

   รวมประโยชน์และโทษที่สาวๆควรรู้   
รู้จักดูแลตัวเองให้สวยเสมอ
หลากข้อดีของการแต่งหน้าที่สาวๆ อาจจะนึกไม่ถึง
ไก่งามเพราะขนฉันท์ใด สาวๆ อย่างเราก็งามเพราะแต่ง(บ้างอะไรบ้าง)ฉันท์นั้น ... ถึงแม้สาวๆ ส่วนใหญ่จะสนใจในเรื่องการดูแลความสวยความงาม ชอบเรื่องการแต่งหน้าดูแลผิวพรรณ แต่ก็มีสาวๆ อีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่สนใจที่จะแตะต้องเครื่องสำอางเลย เพราะให้เหตุผลว่า ขี้เกียจแต่งเสียเวลา , แต่งหน้าไม่เป็น , แต่งแล้วไม่ขึ้น ... ร้อยแปดพันเก้าเหตุผลจริงๆ เลยนะคะ อย่าลืมนะคะว่าเกิดเป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย การหยุดดูแลตัวเองก็เหมือนกันปล่อยให้ตัวเองแก่ไปวันๆ 

     น่าจะดีกว่านะคะถ้าสาวๆ จะหันมาใส่ใจเรื่องความงามเล็กๆ น้อยๆ บ้าง อย่างเรื่องการแต่งหน้า ถึงแม้จะดูเป็นเรื่องจุกจิกหยุมหยิม แต่การแต่งหน้าก็ช่วยเสริมความมั่นใจและสร้างบุคลิกภาพที่ดีได้ ไม่เพียงแค่นั้นนะคะการแต่งหน้ายังให้อะไรกับเราอีกมากมายเลยล่ะค่ะ ไม่เชื่อก็ลองดูข้อดีของการแต่งหน้าดูสิคะ

>>> สวยใสมั่นใจทุกสถานการณ์ ... แต่งหน้านิดๆ หน่อยๆ ให้พอดูมีสีสัน ยังไงก็ดูดีกว่าปล่อยให้หน้าจืดๆ มันๆ โทรมๆ อยู่แล้วล่ะค่ะ ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ทาแป้งฝุ่น ปัดแก้มนิดๆ ทาลิปมันหน่อยๆ แค่นี้หน้าตาของสาวๆ ก็ดูดีมีสีสันขึ้นแล้วล่ะค่ะ และยิ่งสาว ๆ คนไหนพร้อมจะเมคอัพ "จัดเต็ม" นี่ไม่ต้องพูดถึง เพราะมันจะเปลี่ยนคุณเป็นคนละคนเลยล่ะ

>>> เครื่องสำอางนั้นช่วยปกป้องผิวพรรณจากแสงแดดและมลภาวะ ... ไม่ ว่าสาวๆ จะใช้แค่ครีมรองพื้นบางๆ หรือครีมบำรุงผิวทาลงไปแค่ชั้นเดียวบนใบหน้า ตามด้วยแป้งอีกเล็กน้อย ผิวสาวๆ จะมีเกราะป้องกันที่ช่วยกรองแสงแดดและมลภาวะแล้วค่ะ

>>> เครื่องสำอางช่วยให้หน้าเนียนได้ภายในพริบตา ... สาวๆ หลายคนพอพูดถึงการแต่งหน้ามักจะคิดว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก ใช้เวลานาน แต่อยากจะบอกว่าการทำให้ใบหน้าเนียนสวยมีสีสันนิดหน่อยนั้นไม่ได้ใช้เวลานาน เลยค่ะ เพียงแค่สาวๆ แตะรองพื้น ลงแป้งบางๆ ปัดบลัชออน ทาลิปสติก เขียนคิ้วนิดหน่อย ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที คอนเฟิร์มว่าเนียนกิ๊ก!!
>>> เป็นงานอดิเรกที่ช่วยเสริมบุคลิกภาพ ... แถมยังให้ความสนุกสนาน เพราะการแต่งหน้านั้นสามารถแต่งได้หลายสไตล์ หลายรูปแบบ จึงไม่แปลกที่สาว ๆ จะรู้สึกสนุกสนานกับการแต่งหน้าในแต่ละวัน เปลี่ยนลุคของตัวเองหลังจากแต่งหน้าทุกครั้ง และแต่งสวยเพื่อนให้เข้ากับโอกาสต่างๆ แค่นี้ก็เพลินอย่าบอกใครแล้วล่ะค่ะ สนุกแบบนี้สินะ สาวๆ หลายคนถึงหลงไหลการสะสมเครื่องสำอาง

>>> คลายเครียด ... ในช่วงเวลาที่รู้สึกเบื่อหรือเซ็ง หรืออยู่ระหว่างรอใครบางคนอยู่ การแต่งหน้าถือเป็นกิจกรรมแก้เครียดที่ทำให้ลืมเรื่องราวหลายๆ อย่างไปได้ช่วงหนึ่งเลยทีเดียวล่ะ ก็แหงล่ะ เพราะเวลาที่สาวๆ แต่งหน้า สมาธิและความสนใจทั้งหมดก็เทลงมาอยู่ที่หน้าตาที่สะสวยของตัวเอง ทำให้หายเบื่อไปได้อีกเยอะเลยล่ะค่ะ

>>> การแต่งหน้าทำให้เราดูแลผิวหน้ามากขึ้น ... ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าสาวๆ ที่แต่งหน้าหลายคนมักจะมีใบหน้าที่สะอาดใสกว่าสาวๆ ที่ไม่แต่งหน้า นั่นเพราะว่าสาวๆ ที่แต่งหน้ามักจะกังวลถึงความสะอาดหมดจดของใบหน้าก่อนนอนมากกว่าสาวๆ ที่ไม่แต่งหน้า เพราะพวกเธอกลัวสิวจะขึ้นจากเครื่องสำอางตกค้างบ้างล่ะ ความมันอุดตันบ้างล่ะ ก็พูดง่ายๆ เลยว่า ถ้าสาวๆ ได้แต่งหน้าแล้ว เมคอัพบนใบหน้าจะบังคับให้สาวๆ ได้ทำความสะอาดผิวหน้ากันอย่างละเอียดอ่อนมากขึ้นค่ะ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก โพสโดย Staff Dek-D.com พี่เหมี่ยว


เครื่องสำอางอันตราย ข้อห้ามสำหรับ การใช้เครื่องสำอาง
เครื่องสำอางนั้นเป็นของคู่กับคุณผู้หญิง จะเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนซี้แบบปาท่องโก๋ก็ว่าได้
แต่ถ้าคุณประมาณอันตรายจากการใช้เครื่องสำอางอาจจะเกิดขึ้นกับคุณจนหน้าพังได้หรืออาจถึงขั้นบาดเจ็บ คงอยากรู้แล้วล่ะคะ่ว่า อันตรายจากการใช้เครื่องสำอาง นั้นมีอะไรกันบ้าง แต่ถ้ารู้แล้วก็ห้ามทำเด็ดขาดนะค่ะเดี๋ยวหาว่าเจ๊ไม่เตือนไม่นะจ๊ะเพราะอยากให้คุณผู้หญิงสวยทุกคนค่ะ

อันตรายจากการใช้เครื่องสำอาง
- ห้ามใช้เครื่องสำอางของคนอื่น และก็อย่าให้คนอื่นยืมเครื่องสำอาง เพราะอาจมีการถ่ายทอดโรคติดเชื้อต่อกันได้
ห้ามใช้เครื่องสำอางตัวอย่างที่ตั้งไว้ตามเคาน์เตอร์เครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้า พบว่าถ้าใช้ลิปสติกตัวอย่างที่มีผู้เป็นโรคเริมเคยใช้ก่อนหน้าอาจติดเชื้อโรคเริมได้ เครื่องสำอางชนิดอื่น ๆ ก็ช่วยส่งเสริมให้มีการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อทางผิวหนังและนัยต์ตาได้ด้วย
- ห้ามใช้เครื่องสำอางหากยังไม่ได้ล้างหน้า ใช้สบู่อ่อนล้างหน้าให้สะอาดเสียก่อนแล้วจึงค่อยทาเครื่องสำอาง
ห้ามทาเมคอัพทันทีที่ตื่นนอน รอสักนิดอย่างน้อยให้หนังตาที่บวมหลังตื่นนอนยุบลงก่อนค่อยทาเครื่องสำอาง
ห้ามทาตาระหว่างอยู่ในรถ เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุรถเบรคกระทันหันหรือรถชนดินสออาจทิ่มตาบอดได้อันตรายนะครับ
- ห้ามทามาสคาร่าด้วยไฟเบอร์ หากใส่คอนแท็คเลนส์
ห้ามเติมอะไรลงไปในเครื่องสำอาง การเติมน้ำลงไปในเครื่องสำอางจะทำให้ เชื้อบักเตรีเติบโตได้ง่าย
ห้ามใช้เครื่องสำอางที่ผสมวิตามินอี เพราะไม่มีประโยชน์อะไรต่อผิวหนังแถมยังจะทำให้ผิวหนังเกิดผื่นแพ้ขึ้นอีกด้วย 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไอเอ็นเอ็น ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต



"เครื่องสำอางค์ที่ทำให้แพ้" และ "วิธีป้องกันการแพ้เครื่องสำอางค์"

อาการแพ้เครื่องสำอางค์เป็นอย่างไร? หลายคนอาจจะสงสัย วันนี้มีคำตอบค่ะ นอกจากคำถามที่ว่า อาการแพ้เครื่องสำอางค์เป็นอย่างไร? แล้วนั้น "เครื่องสำอางค์ที่ทำให้แพ้" และ "วิธีป้องกันการแพ้เครื่องสำอางค์" ก็มีบทความดีๆ มาแนะนำแด่คุณผู้หญิงทั้งหลายด้วยค่ะ ยิ่งผู้หญิงด้วยแล้วคงปฏิเสธกันไม่ได้เลยทีเดียวว่าจะไม่ใช้เครื่องสำอางค์เลยแม้แต่ยี่ห้อเดียวใช่ไหมล่ะค่ะ ยิ่งออกสังคมหรือมีงานสังสรรค์มากเท่าไหร่การเผชิญหน้ากับเครื่องสำอางค์ย่อมมีมากขึ้นเท่านั้น และเป็นการป้องกันการแพ้เครื่องสำอางค์ วันนี้จึงขอพูดถึงเรื่อง "เครื่องสำอางค์ที่ทำให้แพ้" และ "วิธีป้องกันการแพ้เครื่องสำอางค์" ค่ะ ถ้าคุณผู้หญิงพร้อมกันแล้วก็มาเข้าเรื่อง "เครื่องสำอางค์ที่ทำให้แพ้" และ "วิธีป้องกันการแพ้เครื่องสำอางค์" กันได้เลยค่ะ



เครื่องสำอางที่ทำให้ผิวเกิดอาการแพ้

จากการยืนยันของสถาบันโรคผิวหนังอเมริกันพบว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่มักมีพฤติกรรมการใช้เครื่องสำอางค์วันละไม่ต่ำกว่าเจ็ดชนิด ทั้งนี้เพื่อประทินผิวหรือเติมแต่งสีสันให้ดูสวยงาม ส่วนผสมของเครื่องสำอางค์เหล่านี้แหละที่ทำให้หลายต่อหลายคนเกิดอาการแพ้ผิวของคนเราจะเกิดปฏิกิริยาตอบสนองต่อเครื่องสำอางค์สามารถแบ่งเป็นสองกลุ่มลักษณะหลักๆ คือ ระคายเคืองและอาการแพ้ ผิวระคายเคืองจะพบได้มากกว่าอาการแพ้และมักจะพัฒนาจากอาการแสบคันตามบริเวณต่างๆ หรือ เซลล์ผิวหนังถูกทำลายที่รุนแรงมากขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารนำไปสู่การระคายเคืองอย่างต่อเนื่อง จะปรากฏในรูปกลุ่มอาการต่างๆ บนผิวหนัง เช่น ตุ่มคัน ตกสะเก็ด หรือผื่นแดง ในบางกรณีอาการระคายเคืองธรรมดาๆ อาจพัฒนาไปสู่กลุ่มอาการแพ้รุ่นแรงเจ็ดประเภท โดยเฉพาะผิวหนังที่กระทบกระเทือนจากการเกามาแล้วก่อนหน้า บริเวณที่ผิวบอบบางและไร้ต่อสิ่งเร้า เช่น ผิวรอบดวงตา
ส่วนอาการแพ้จะเกิดขึ้นเมื่อเราสัมผัสกับส่วนผสมเฉพาะของผลิตภัณฑ์ที่ผิวจะตอบสนองทันทีหากแต่ไม่ใช่ในรูปผิวหนังถูกทำลาย กลุ่มอาการแพ้ประกอบด้วยผื่นแดงและคัน จนถึงลมพิษเห่อขึ้นตามร่างกาย ซึ่งอาการแพ้เหล่านี้จะปรากฏได้ทุกที่ตามร่างกาย แม้ว่าบริเวณนั้นๆ จะไม่เคยสัมผัสครีมดังกล่าวมาก่อนเลยก็ตาม

วิธีป้องกันการแพ้เครื่องสำอางค์

โชคไม่ดีที่มีทางเดียวที่คุณจะสามารถรู้ได้ว่าแพ้สารตัวใดในเครื่องสำอางค์นั่นคือ การลองใช้กับร่างกายหากแต่เป็นการลองทาในบริเวณเล็กๆ ที่ข้อมือหรือข้อศอกแล้วทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง เพื่อสังเกตอาการตอบสนองของผิวหนัง

วิธีการอื่นเพื่อป้องกันโอการเสี่ยงที่จะแพ้ คือ อ่านฉลากส่วนผสมทั้งหมดที่มีอยู่ในเครื่องสำอางชนิดนั้น ถ้ามีส่วนผสมมากชนิดโอกาสเสี่ยงที่จะแพ้ต่อสารตัวใดตัวหนึ่งก็ย่อมีมาก ถ้าคุณทราบว่ามีสารตัวที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองหรืออาการแพ้แล้วก็จะได้หลีกเลี่ยงไม่ใช้เครื่องสำอางชนิดนั้น
แต่ก็เป็นไปได้ว่าฉลากของเครื่องสำอางบางครั้งไม่ได้บอกรายละเอียดของส่วนผสมทั้งหมด เนื่องจากผู้ผลิตบางบริษัทไม่ต้องการเผยแพร่สูตรลับของตนเพื่อผลประโยชน์ทางด้านการตลาดและทางองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐ (FDA) ก็ไม่ได้ระบุเป็นกฏไว้ตายตัว ทำให้ผู้ผลิตสามารถกล่าวอ้างว่าผลิตภัณฑ์ของตนไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ที่ข้างกล่องได้โดยไม่ผิดกฏหมาย 

ในกรณีของการระบุว่า "ปราศจากกลิ่นหอม" หรือ "ไร้กลิ่น" ได้รับการยอมรับในลักษณะที่ว่าผลิตภัณฑ์ชนิดนั้นๆ ปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์และน้ำหอมก็ยังถูกใช้เพื่อกลบกลื่นของสารเคมีอยู่ดี ดังนั้นจึงควรตรวจสอบที่ฉลาก ส่วนผสมต่างๆ จะไล่เรียงตามลำดับความสำคัญ แน่นอนว่าส่วนผสมบรรทัดล่างๆที่มีอยู่น้อยนิดนั่นแหละคือ น้ำหอม ส่วนส่วนผสมที่เป็นจุดขายนั้นจะอยู่บนสุด 


รู้จักสารที่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง

จากข้อมูลการวิจัยของสมาคมแพทย์ผิวหนังอเมริกาเหนือสรุปได้ว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ผิวเกิดอาการแพ้และระคายเคืองมาจากน้ำหอมและสารกันบูดที่ผสมอยู่ในเครื่องสำอางค์ ถ้าคุณมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเครื่องสำอางค์ก็ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกันเสียอย่าง Methyplaraben, Propylparaben และ Buttlyparaben และสำหรับลาโนลินซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของมอยส์เจอร์ไรเซอร์เกือบทุกชนิดก็อาจเป็นสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ในผู้ใช้บางรายได้เหมือนกัน ปัจจุบันผู้หญิงเราเสี่ยงกับการแพ้เครื่องสำอางค์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ทุกขณะจึงควรสังเกตและอ่านฉลากข้างกล่องอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อมาใช้ 

ขอขอบคุณข้อมูลการดูแลผิวสวยผิวขาวจาก teenpath ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต


ข้อห้าม! "ใน" การแต่งหน้าสวย
การแต่งหน้าสวยนั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่ก็อาจจะไม่เรื่องง่าย ๆ สำหรับคุณผู้หญิงบางคน แต่ก่อน การแต่งหน้าสวย มันจะมีสิ่งต้องห้าง 5 ข้อ ที่คุณผู้หญิงหลาย ๆ คนมักจะลืมกัน ทำให้การแต่งหน้าสวยของคุณเลยกลายเป็นเรื่องยากไปเลย วันนี้เราจึงมาย้ำกันอีกครั้งในเรื่องข้อห้ามทำของการแต่งหน้าค่ะ

5 ข้อห้าม การแต่งหน้าสวย
1.ถ้าอยากปัดแก้มให้สวยควรจะค่อย ๆ ปัดอย่างเบา ๆ มือ ไม่ใช่ใช้แปรงฝนแก้มเป็นเส้นตรงย้ำ

2.ใบหน้าที่มันเงาเกินไปทั้งแบบตั้งใจหรือไม่ก็ตาม มักจะทำให้ใบหน้าดูแบน

3.หาทรงคิ้วที่เหมาะสมกับใบหน้าให้ได้ ก่อนที่จะลงมือถอนหรือกันคิ้ว

4.เปลี่ยนความคิด ถ้าคิดว่าบรอนเซอร์ สีเข้มจัด สามารถเปลี่ยนผิวซีดให้เป็นผิวสีแทนได้


5.อย่าซีเรียสกับการแต่งหน้าทำให้มันเป็นเรื่องสนุก


ขอขอบคุณข้อมูลจากแนวหน้า ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต



ข้อควรระวังในการแต่งหน้าของสาวๆ ที่ใส่คอนแทคเลนส์

ป้องกันดวงตาบาดเจ็บจากความสวย เพื่อความคล่องตัวและความสวยงาม คนเดี๋ยวนี้จึงนิยมใส่คอนแทคเลนส์กันมากขึ้น ซึ่งการใช้อุปกรณ์ที่ใกล้ ชิดกับตาขนาดนี้ ก็มีเรื่องของอนามัยต้องใส่ใจกันบ้าง แต่ก็เพราะธรรมชาติของผู้หญิงที่ต้องแต่งหน้าเพราะความสวย นี่เอง ที่อาจจะเป็นศัตรูความปลอดภัยของลูกตา

เรามีทิป 5 ข้อมาฝากคุณเพื่อลดความขัดแย้งระหว่างสุขภาพกับความงามค่ะ

5 ข้อควรระวังยามแต่งหน้าของสาวใส่เลนส์
1. ใส่คอนแทคเลนส์ก่อนแต่งหน้า และเอาเลนส์ออกก่อนล้างเมกอัพเสมอ เพราะอายเมกอัพรีมูฟเวอร์อาจ ตกค้างสะสมอยู่บนคอนแท็กเลนส์ได้

2. ใช้เมกอัพแบบป้องกันการแพ้ หรือเมกอัพแบบสูตรน้ำ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการระคายเคืองต่าง ๆ

3. อย่าใช้มาสคาร่าแบบกันน้ำ เนื่องจากอาจเลอะเลนส์และเป็นคราบติดอย่างถาวร รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงมาส คาร่า ที่มีไฟเบอร์เพิ่มความหนาหรือความยาวด้วย

4. หลีกเลี่ยงอายแชโดว์แบบฝุ่น ที่อาจเข้าตาได้ง่าย เลือกใช้แบบเจล ลิควิด หรือครีม พยายามหลีกเลี่ยง อายแชโดว์ ที่ผสมผงแวววาวที่ทำจากเปลือกหอยหรือผงไมก้า ซึ่งอาจเข้าตาทำให้ระคายเคืองได้

5. อย่าฉีดสเปรย์ถ้าคุณใส่เลนส์แล้ว และก่อนที่คุณจะเดินเข้าไปในห้องที่ฉีดสเปรย์ ควรรอให้สเปรย์จางหาย ไปก่อน เนื่องจากผลิตภัณฑ์แต่งผมทำให้ดวงตาระคายเคืองได้ง่ายที่สุด

ขอขอบคุณข้อมูลจากMomypedia  ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com


ข้อห้ามในการฉีดน้ำหอม
จริงๆ การฉีดน้ำหอมนั้นเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ซึ่งไม่มีอะไรผิดอะไรถูก ตราบเท่าที่น้ำหอมนั้นยังส่งกลิ่นหอมสำหรับคุณอยู่ แต่ถ้าคุณอยากฉีดน้ำหอมได้อย่างสง่างามล่ะก็ ระวังเรื่องข้อห้ามพวกนี้ไว้หน่อยก็ดี ไม่อย่างนั้นคนรอบตัวคงร้อง ยี้!! แน่นอน!!


• อย่าฉีดทับกลิ่นหอมอื่น : อย่าฉีดน้ำหอมทับลงบนโลชั่นหรือน้ำมันทาตัวแบบที่มีกลิ่นหอม เพราะสารเคมีในน้ำหอมอาจทำปฎิกิริยาจนเกิดกลิ่นผิดเพี้ยนไปได้


• อย่าถูข้อมือเข้าด้วยกัน : การฉีดน้ำหอมแล้วถูข้อมือเข้าด้วยกันนั้น จะเป็นการทำลายโมเลกุลความหอมจนอาจทำให้เกิดกลิ่นผิดเพี้ยนได้ ใช้วิธีฉีดหรือแตะแต้มบนข้อมือแต่ละข้างแทนจะดีกว่า


• อย่าใช้เยอะ : ถ้าคุณใช้น้ำหอมแบบที่เป็น Eau de Parfum ก็อย่าฉีดมากกว่าหนึ่งครั้ง น้ำหอมชนิดนี้มักจะมีกลิ่นเข้มข้นอยู่แล้ว และถูกออกแบบมาให้ใช้เพียงทีละนิดเท่านั้น


 ขอขอบคุณข้อมูลจาก Lisaguru  ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต


อายแชร์โดว์ของคุณปลอดภัยแล้วรึยัง


เนื่อง จากมีการออกมากล่าวเตือนคุณผู้หญิงทั้งหลาย ที่ใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับดวงตาว่า ให้ระวังอาจมีการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ได้ ซึ่งถ้าหากมีก็จะส่งผลร้ายกับดวงตาของคุณได้
โดยนักวิทยาศาสตร์การแพทย์กองเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ออกมาบอกว่า จากการสุ่มตรวจเครื่องสำอางในตลาดทั้งที่นำเข้าและผลิตในประเทศ ได้แก่ อายแชโดว์ ครีมเจลทารอบดวงตา มาสคาร่า ดินสอเหลว สำหรับ เขียนรอบดวงตา และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางรอบดวงตา รวม 108 ตัวอย่าง พบ 7 ตัวอย่าง ที่มีแบคทีเรีย ยีสต์ และราปนเปื้อนเกินมาตรฐาน ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะทำให้ผิวหนังที่สัมผัสเสี่ยงต่อการติดเชื้อเรื้อรัง เกิดการอักเสบจนลุกลามถึงตาบอดได้
และจากการสุ่มตรวจพบว่า เครื่องสำอางที่ผสมสมุนไพรอย่าง ว่านหางจระเข้ มีแนวโน้มในการพบจุลินทรีย์ปนเปื้อนเกินมาตรฐาน 1 ล้านโคโรนีต่อกรัม และอาจพบเชื้อคลอสตริเดียมร่วมด้วย ทั้งนี้ เชื้อดังกล่าวมักตรวจพบในผลิตภัณฑ์ที่มีสมุนไพรเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นผู้บริโภคควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากเครื่องสำอางชัดเจน โดยเฉพาะที่อยู่ผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ วันเดือนปีที่ผลิต หรือวันหมดอายุกำกับให้ดีด้วย ฉลาดสวยแล้วก็ต้องฉลาดเลือกด้วยนะคะ

 ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก teenee.com ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต


อะไรก่อนอะไรหลัง…ระวังให้ดี!

ผู้หญิงสมัยนี้มักจะมีผลิตภัณฑ์ประทินผิวมากมายหลายชนิด และถ้าคุณทาผิดลำดับก่อนหลัง ก็อาจไม่ได้รับประโยชน์จากผลิตภัณฑ์นั้นได้

หลักเกณฑ์ง่ายๆ ก็คือควรทาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการรักษาลงไปก่อน แล้วค่อยตามด้วยผลิตภัณฑ์ที่ใช้บำรุง ก่อนตบท้ายด้วยครีมกันแดด ยกตัวอย่างเช่น หลังจากคุณทำความสะอาดผิวหน้าเรียบร้อยแล้ว ก็ตามด้วยผลิตภัณฑ์รักษาสิว (ถ้าคุณทาเป็นขั้นตอนสุดท้าย ตัวยาก็จะซึมเข้าสู่ผิวได้ยาก) จากนั้นจึงทามอยส์เจอไรเซอร์ แล้วจบด้วยครีมกันแดดทุกครั้ง ข้อควรระวังคือ หลังจากทาผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งเสร็จแล้ว ก็ควรรอซักสองสามนาทีก่อนทาผลิตภัณฑ์อีกตัวตาม

ขอขอบคุณข้อมูลจาก  lisaguru.com ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต



ภัยเงียบ เคาน์เตอร์เครื่องสำอาง!!
เวลาซื้อเครื่องสำอางตามเคาน์เตอร์ พนักงานขายมักจะเชิญชวนให้ทดลองแต่งหน้าฟรี เพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้า ซึ่งสาวๆส่วนใหญ่ก็เต็มใจเป็นนางแบบซะด้วย เพราะอยากสวยปิ๊งโดยไม่เสียสตางค์

อย่างไรก็ดี มีผลการวิจัยล่าสุดจากวิทยาลัยการแพทย์เจฟเฟอร์สัน ในรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งออกสำรวจตัวอย่างทดลองของเครื่องสำอางตามเคาน์เตอร์ต่างๆในอเมริกา และพบความจริงน่าตกใจว่า เทสเตอร์เครื่องสำอางทุกยี่ห้อที่แบหราเรียงรายอยู่ตามเคาน์เตอร์ เพื่อให้ลูกค้าทดลองใช้ฟรี มีแบคทีเรียแพร่กระจายอยู่ เต็มไปหมด โดยเฉพาะแบคทีเรียร้ายที่ก่อให้เกิดโรคเยื่อบุตาขาวอักเสบ ซึ่งพบได้มากในเครื่องสำอางที่มีความเปียกชื้นสูง และเมกอัพที่ใช้กับรอบๆดวงตา รวมถึงปาก ไม่ว่าจะเป็น อายไลเนอร์, อายแชโดว์, ลิปสติก หรือมาสคาร่า ล้วนแต่เป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียชั้นดี...ถ้าไม่อยากตาบอดล่ะก็ ต้องรู้จักปฏิเสธของฟรี!!

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Thairath  ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น