Enchanting

    เผยเคล็บลับเสน่ห์ความงามของสาวๆ    

ทาครีมอย่างไรให้ได้ผล


อาจมีทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายที่มักจะเกิดคำถามที่ว่า ทาครีมอย่างไรให้ได้ผล เพราะทาไปเท่าไหร่ยังไง๊...ยังไง ก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปซักที คุณรู้ไว้เถอะค่ะว่านั้นคือการที่คุณทาครีมอย่างผิด ๆ ทำให้ ครีมมีค่าราคาแพงของคุณดูจะไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่ จึงไม่แปลกใจเลยค่ะที่จะเจอคำถามที่ว่า ทาครีมอย่างไรให้ได้ผล ถ้าอยากทาครีมให้ได้ผลล่ะก็ลองมาดูคำตอบต่อไปนี้กันค่ะ

ทาครีมอย่างไรให้ได้ผล เริ่มจาก


ทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจด แล้วเลือกปริมาณครีมที่ต้องใช้ให้พอเหมาะตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม เพราะถ้าน้อยเกินไปก็จะไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควรหรือถ้ามากเกินไปก็จะทำให้ผิวหน้ามันเกินไปและก็เปลืองโดยใช่เหตุ ซึ่งส่วนใหญ่จะประมาณ 1 ข้อมือหรือ 1 ลูกเชอรี่



เริ่มแต้มครีมที่บริเวณ 5 จุด ของใบหน้า คือ หน้าผาก จมูก แก้มทั้งสองข้าง และคาง ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางในการเกลี่ยบริเวณที่กว้างที่สุดก่อน เช่น โหนกแก้ม โดยเริ่มจากส่วนกลางไปยังส่วนข้าง ๆ โดยทางด้านซ้ายออกซ้ายและทางด้านขวาออกขวาแล้วตามด้วยแนวสันจมูก ใต้โพรงจมูก คาง และหน้าผาก โดยเว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ เพราะอาจจะต้องใช้ครีมชนิดเฉพาะรอบดวงตาทาแทน การลงน้ำหนักนิ้วควรจะเบาที่สุด เพราะผิวหน้าเป็นผิวที่บอบบางควรได้รับการทะนุทะนอม ถ้าลงน้ำหนักแรงเกินไปอาจจะทำให้เกิดรอยย่นในภายหลังได้ 



การทาครีมรอบดวงตา ควรใช้ปริมาณเนื้อครีมประมาณ 1 เมล็ดถั่วเขียว แล้วใช้นิ้วนางเพียงนิ้วเดียวในการทา เพราะจะน้ำหนักกดเบาที่สุดแล้วทาครีมไล่ตามแนวโครงกระดูกเบ้าตา อาจจะเริ่มที่หัวตาหรือหางตาก่อนก็ได้ แล้ววนครีมรอบ ๆ ดวงตาจะวนเข้าหรือวนออกก็ได้ตามถนัดแต่ต้องวนไปในทิศทางเดียวกันทั้งสองข้าง



การทาครีมบริเวณลำคอ ควรใช้ปริมาณเนื้อครีมเท่ากับที่ใบหน้า โดยเริ่มทาจากบริเวณที่กว้างที่สุดของลำคอก่อนคือ บริเวณฐานลำคอแล้วใช้ปลายนิ้วทั้งหมดค่อย ๆ ลูบไล้ขึ้นไม่ควรทาลง เพราะจะทำให้ผิวบริเวณลำคอหย่อนยานไปตามแนวโน้มถ่วงของโลกทำให้เกิดรอยย่นภายหลังได้



การทาครีมบริเวณหน้าอก อาจจะใช้ครีมที่เหลือจากลำคอทาลูบไล้ในช่วงอกต่อไปได้ โดยการใช้ปลายนิ้วลูบไล้เพียงเบา ๆ และวนให้ทั่วแผ่นอกเพื่อการซึมซับของเนื้อครีมสู่ผิวแล้วค่อยไล่ทาไปที่หน้าท้องและส่วนหลัง



การทาครีมบริเวณแขน จะเริ่มต้นที่ต้นแขนด้านท้องแขนก่อนแล้วทาวนขึ้นหลังแขนโดยการใช้ปลายนิ้วลูบไล้เพียงเบา ๆ เพื่อการซึมซับของเนื้อครีมสู่ผิว



การทาครีมบริเวณขาและเท้า จะเริ่มต้นที่ต้นขาก่อนแล้วทาวนจากด้านต้นขาไปปลายขา โดยการใช้ปลายนิ้วลูบไล้เพียงเบา ๆ เพื่อการซึมซับของเนื้อครีมสู่ผิว โดยควรจะเน้นบริเวณหน้าแข้งสองข้างให้มาก เพราะบริเวณนี้จะแห้งได้ง่าย ส่วนบริเวณเท้าควรทาทั้งสองด้าน คือ หลังเท้าและฝ่าเท้า พร้อมทำการนวดไปทั่วอุ้งเท้าเพื่อผ่อนคลายและเพิ่มการไหลเวียนโลหิต


ขอขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

สูตรหน้าสวย "กลางวัน-กลางคืน"



วันนี้พาคุณผู้หญิงมารู้จักกับสูตรหน้าสวยตั้งแต่กลางวัน จรดเย็นถึงค่ำคืน พร้อมกับพื้นฐานการใช้ครีมและข้อแนะนำเรื่องโทนสีผิวให้เหมาะกับคุณเพื่อให้การแต่งงานเป็นไปอย่างง่ายขึ้น แล้วผิวหน้าสวยเปล่งปลั่งดูมีประกายจะไปไหนเสีย หากว่าคุณพร้อมที่จะฟัง สูตรหน้าสวย แล้วเรามาเริ่มกันเลยค่ะ


สูตรหน้าสวย

แต่งหน้าสวยยามกลางวัน


โทนสี

ใช้ครีมรองพื้นแตะบางเบาที่บริเวณแก้มเลือกสีครีมรองพื้นที่ไม่ดูหลอกตากับแสงตอนกลางวัน ควรใช้โทนสีเดียวกับผิวจะดีที่สุด หากคุณไม่แน่ใจให้เลือกใช้โทนสีสว่างดีกว่าสีเข้ม


การรองพื้น

การรองพื้นจะช่วยปกปิดรอยด่างดำของผิวหน้าและทำให้ผิวเนียนเรียบให้ทาครีมสำหรับกลางวัน ก่อนทาครีมรองพื้น (ปล่อยให้เนื้อกลางวันซึมเข้าผิวสักครู่จึงทาครีมรองพื้น) 


ปกปิดรอยคล้ำ

การปกปิดรอยคล้ำใต้ตาและข้อบกพร่องต่าง ๆ ควรใช้ครีมปกปิดริ้วรอยโทนสีสว่างแตะแต้มครีมบริเวณที่คล้ำแดงและริ้วรอยย่นเล็ก ๆ จากนั้นใช้ปลายนิ้วแตะเบา ๆ ให้เนื้อครีมกระจายให้ทั่ว หากทาครีมบางจุดหนาเกินไปเป็นมันเยิ้มใช้กระดาษซับหน้าซับเบา ๆ


การทาครีมให้เนียนเรียบ

ใช้ฟองน้ำชื้น ๆ แตะแต้มให้ทั่วเพื่อให้ใบหน้าชุ่มชื้นและเป็นการเกลี่ยครีมรองพื้นให้สม่ำเสมอทำให้ใบหน้าสดใส หากคุณมีรูขุมขนกว้างให้แตะครีมรองพื้นให้ทั่วแต่อย่าทาครีมรองพื้นหนา โดยแต้มครีมรองพื้นจากตรงกลางแล้วเกลี่ยออกด้านนอกและหากทาครีมบลัชออนก็ควรทาก่อนลงแป้งจะทำให้ใบหน้าเรียบเนียนสวย


ทาแป้ง

การขัดหน้าทาแป้งนอกจากจะทำให้ใบหน้าเนียนใสแล้วยังทำให้ครีมรองพื้นติดทนนาน ควรใช้แป้งที่สว่างกว่าผิวหรือแป้งโปร่งใสให้ใช้พู่กันอย่างหนาแตะแป้งแล้วเคาะกับหลังมือหนึ่งครั้งก่อนแล้วค่อยทาให้หนาหน่อยบริเวณหน้าผาก จมูก แก้มและคาง



ข้อแนะนำพิเศษ

เป็นไปได้ว่าคุณทดลองครีมรองพื้นมาใช้แล้วหลายเฉดสีแต่คุณก็ยังไม่ได้สีที่เข้ากับสีผิวของคุณอย่างแท้จริง ดังนั้นคุณควรผสมสีรองพื้นด้วยตนเองให้ทดลองใช้สีอ่อนเล็กน้อยผสมกับสีเข้มอีดเล็กน้อยบนหลังมือจนได้สีที่เข้ากับใบหน้าของคุณ


สำหรับงานเลี้ยงค่ำคืน


การแต่งหน้า

สำหรับงานเลี้ยงกลางคืนคุณสามารถแต่งตาให้ดูสวยเฉี่ยวได้ ถ้าจะให้รู้สึกสนุกและพิเศษสำหรับยามค่ำคืน คุณอาจใช้อายไลเนอร์ทาขอบตาให้ดูเข้มขึ้นให้ใช้มาสคาร่าสีทองเติมแต่งอีกที นอกจากนี้คุณอาจเพิ่มความเฉี่ยวด้วยการใส่ขนตาปลอมที่มีเกล็ดเพชรแวววาว



ริมฝีปาก

ริมฝีปากแวววาวได้รูปสวยด้วยการใช้แท่งลิปสติกทาปากและแตะแต้มด้วยลิปกลอสที่เป็นเงาวาว



เล็บสวยเซ็กซี่

สำหรับสาวที่ออกงานปาร์ตี้คงชอบการทำเล็บให้สวยเซ็กซี่ คุณอาจไปให้ร้านทำเล็บทำให้ก็ได้หรือซื้อผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปมาทำเองที่บ้าน



เกล็ดเพชร

สำหรับงานเลี้ยงช่วงกลางคืนหากคุณนึกสนุกและอยากเตะตาผู้คนก็ลองใช้เกล็ดเพชรติดที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น สันจมูก เล็บ ไหล่ และ เนินอก จะทำให้คุณดูสวยเด่นแปลกตาทีเดียว การติดเกล็ดเพชรควรจะให้ผิวแห้งไม่มันจึงจะติดได้ง่ายไม่หลุดง่าย (แต่งแกะออกไม่ยาก) เช่น เกล็ดเพชร



นอกจากนี้ การแต่งหน้าให้สวยเนียนก็ควรมีผิวหน้าที่นวลเนียนสม่ำเสมอจะช่วยให้การแต่งหน้าสดใสอย่างเห็นได้ชัด

Beauty Tips 

การทาลิปสติกสีแดงโดยเฉพาะลิปติกโทนแดงเข้มให้เรียบเนียนต้องมีริมฝีปากที่มีสุขภาพดีและฟันขาวสะอาดจะทำให้ดูสวยสดใส เทคนิคก็คือทาครีมรองพื้นก่อนจากนั้นใช้ดินสอเขียนปากสีธรรมชาติวาดปากปัดเข้ามาด้านในเบา ๆ แล้วใช้พู่กันแต้มลิปติกสีแดงวาดริมฝีปากอย่างระมัดระวัง ขณะเดียวกันก็ยิ้มไปด้วยเพื่อให้สีสม่ำเสมอทุกซอกมุม จากนั้นใช้กระดาษทิชชู่ซับเบาๆ แล้วทาลิปสติกทับอีกครั้ง
การดูแลขนตาให้สวยโดยไม่ต้องใช้มาสคาร่า เทคนิคง่าย ๆ ก็คือให้ใช้น้ำมันพืชปัดขนตา เช่น น้ำมันรำข้าวหรือน้ำมันอัลมอนด์ จะทำให้ขนตาแข็งแรงนอกจากนี้ก็มีมาสคาร่าไร่สีที่มีส่วนผสมของน้ำมันช่วยบำรุงขนตา

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Lisa ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

25 ไอเดีย "สวยครบสูตร"



ไอเดียวสุดสร้างสรรค์ที่ถูกอัพเดทและบอกเล่าให้คุณได้รู้ทุกฤดูกาล วันนี้เราขออัพเดท 25 ไอเดีย สวยครบสูตร ที่จะมาสร้้างสรรค์ให้คุณได้รู้ว่า การแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าโดยเราจะเน้นกันเป็นส่วน ๆ เลยทีเดียวค่ะ


25 ไอเดีย "สวยครบสูตร" เริ่มจาก

Eyes

1 สีม่วงลาเวนเดอร์กำลังมาแรง ที่สำคัญยังเหมาะกับทุกสีตาอีกด้วย (แต่คนผิวเข้มควรพิถีพิถันเลือกเฉดที่เหมาะกับตัวเองสักหน่อย) ว่าแล้วลองใช้แบบครีมบ้างก็ไม่เลว (stila shadow pots eye mousse)


2 ปรารถนาใบหน้าสว่างใส ให้ตบท้ายด้วยการใช้ไลเนอร์สีบรอนซ์วาดให้ชิดขอบตานอกจากจะขับสีอายแชโดว์ให้เรืองระยับก็ยังทำให้ใบหน้าสว่างวาวขึ้นอีกด้วย



3 อยากแต่งตาแบบสโม็กกี้อายส์ แต่ก็กลัวว่าจะดูดุดันเกินไปลองหันมาแต่งด้วยอายแชโดว์สีบรอนซ์แล้ววาดไลเนอร์สีเทาริมขอบตาเท่านี้ก็ดูเซ็กซี่ไปอีกแบบ



4 ลบรอยตำหนิง่ายๆ ด้วยการนำมอยส์เจอไรเซอร์แบบออยล์ฟรีมาป้ายไว้บนหลังมือจากนั้นนำแผ่นสำลีมาซับเบา ๆ ทิ้งไว้จนเกือบแห้งแล้วใช้สำลีแผ่นนี้แต้มตรงรอยตำหนิเท่านี้รอยต่าง ๆ ก็หลุดออกอย่างง่ายดาย



5 แก้ไขดวงตาที่อ่อนล้า หรือเมื่อดวงตามีสีแดง ๆ จากการพักผ่อนไม่เพียงพอด้วยการนำดินสอเขียนขอบตาที่มีสีใกล้เคียงกับสีผิววาดให้ชิดริมขอบตาล่าง (แทนที่จะใช้สีขาว)



Cheeks

6 หากชื่นชอบสีสันที่เป็นธรรมชาติ ลองนำรองพื้นแบบลิควิดมาแต้มเกลี่ยอย่างเบาบางลงบนแก้มที่ลงบลัชออนแล้วจะได้สีสันใหม่ที่ดูกลมกลืนกับการแต่งหน้ามากขึ้น



7 หากมีพวงแก้มกลม ให้ลงบลัชออนกลางพวงแก้มแล้วปัดเฉียงขึ้นไปยังบริเวณโหนกแก้มแต่หากกลมกลึง เสียจนดูไม่ออกลองยิ้มหน้ากระจกเพื่อมองหาตำแหน่งเท่านี้ก็ดูเพรียวผอมไป เยอะ



8 เลือกสีปากและสีแก้มให้กลมกลืนกัน แล้วปล่อยสีตาโดดเด่นกว่า



9 เลือกชุดแปรงขนาดเล็ก หากไม่ต้องการความยุ่งยากและลงรายละเอียดอะไรมากมาย (ประมาณแปรงชุดเดินทาง) แต่ควรเลือกขนแปรงที่มีคุณภาพสูงเพราะจะช่วยเรื่องการควบคุมเม็ดสีได้มาก (Bobby Brown?s Travel Set)



10 ใบหน้าที่ดูใสสว่าง ทำได้โดยเลือกบลัชออนโทนสีชมพูที่จะทำให้ดูอ่อนวัย และสดใสอยู่เสมอคนผิวคล้ำไม่ต้องกังวลใจเพราะเดี๋ยวนี้มีสีชมพูให้เลือกหลาย เฉดสีปัดบริเวณพวงแก้มแล้วอย่าลืมปัดข้ามไปมาระหว่างแก้ม (ปัดผ่านจมูก) จะทำให้ดูเรื่องแดดแบบธรรมชาติ

Skin
11 หากกังวลเรื่องความมัน ขณะลงครีมรองพื้นให้นำพัฟฟ์จุ่มน้ำพอหมาดลูบไล่ครีมรองพื้นให้ทั่วใบหน้าแทนที่จะให้พัฟฟ์แห้ง ๆ เพราะความชุ่มชื้นจากน้ำจะช่วยคงความยาวนานของเนื้อครีมและทำให้เครื่องสำอางติดทนกว่า

12 ลำคอก็เป็นจุดสำคัญ ที่ไม่ควรมองข้ามเลือก Primer ที่มี Silicone-base เป็นส่วนผสมด้วยแป้งฝุ่นทุกครั้งจะทำให้ลำคอดูเรียบเนียนและลดรอยพับดูจางลง (Laura Mercier?s Primer)

13 อยากได้ผิวแทนดูเป็นธรรมชาติ แต่ไม่อยากใช้ผลิตภัณฑ์สร้างผิวแทนที่ดูมันวาวระยิบระยับลองใช้แป้งฝุ่นที่ มีสีเข้มกว่าอีกระดับมาปัดสร้างแสงเงาบนใบหน้านอกจากไม่วาววับแล้วยังทำให้ ผิวดูบ่มแดดอีกด้วย

14 คงสีสันเครื่องสำอางให้ยาวนาน ด้วยการพรมสเปรย์มอยส์เจอไรเซอร์ (Water-base Spritz) หลังการแต่งหน้าทุกครั้งจะช่วยให้สีสันเครื่องสำอางดูสดใสและขับใบหน้าให้เปล่งประกายดูสดชื่น

15 มีปัญหาหมองคล้ำใต้ดวงตา ลองหันมาใช้ครีมรองพื้นที่มีสีสว่างกว่าผิวหนึ่งระดับมาแต้มแทนคอนซีลเลอร์ อย่างน้อยก็ดูเป็นธรรมชาติกว่าแถมยังประหยัดด้วยปริมาณที่มากเสียด้วย


Lashes & Brows

16 เลือกใช้กาวต่อขนตาแบบสีเข้ม เพราะนอกจากจะดูกลมกลืนไปกับดวงตาแล้วหากเกิดรอยตำหนิก็ยังดูผิดพลาดน้อยกว่ากาวแบบสีขาว

17 ลองแต่งคิ้วแบบสองสี เช่นเดียวกับที่โลเบลช่างแต่งหน้าประจำตัวของนาตาลีพอร์ตแมนเลือกแต่งหัว คิ้วของนาตาลีไปจนถึงรอยโค้งด้วยสีเทาแล้วตบท้ายด้วยสีน้ำตาลจากส่วนโค้งไป จนถึงปลายคิ้ว

18 มาสคาร่าทำงานไม่ต่างจากแฮร์สเปรย์ ดังนั้นหลังจากดัดขนตาแล้วให้รีบปัดมาสคาร่าทันทีเพื่อคงความงอนงามและคงรูปทรงที่ต้องการ

19 อยากให้ขนคิ้วดูเงางาม แต่ไม่แข็งและเหนียวเหนอะเหมือนเอามาสคาร่ามาปัดทำได้โดยนำแปรงมาสคาร่าสะอาด ๆ มาแต้มกับวาสลีนแล้วปัดขนคิ้วไล่ไปจนถึงปลายคิ้ววิธีนี้จะช่วยให้คิ้วดูหนาและเงางามยิ่งขึ้น

20 ใส่ใจขนตาด้านนอก หากต้องการเปิดดวงตาให้สว่างสดใสวิธีการคือคัดขนตาริมนอกให้งอนขึ้นแล้วปัดไล่โดยเน้นขนตาด้านนอกให้มากที่สุด


Lips

21 ลดอาการปากแห้งเสีย (แถมเผลอ ๆ ยังมีเลือดซึม) ด้วยการลงลิปบาล์มชนิดชุ่มชื่นทุกครั้งก่อนลงลิปสติก (Burt?s Bees)

22 หากทาลิปกลอสแล้วรู้สึกชุ่มหนาจนเกินงาม ลองจุ๊บเบา ๆ ที่หน้ามือแล้วเช็ดออกจะทำให้สีลิปสติกเบาบางและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นส่วนการซับด้วยกระดาษทิชชู่นั้นจะทำให้สีสันหลุดออกมากเกินไป

23 หลังทาลิปสติกและลิปกลอส เสร็จสรรพซับและเกลี่ยอีกทีด้วยแปรงเล็กเนื้อนุ่มเพื่อกระจายเม็ดสีและความมันวาวให้ทั่วถึง (Shu Uemura No 6M) ทั้งนี้ยังช่วยลบร้อยตำหนิให้หมดไปอีกด้วย

24 อยากทาลิปสวยเหมือนดารา ลองนำลิปกลอสสีโปรดมาแต้มบริเวณริมฝีปากด้านในทั้งบนและล่างหลังทาลิปสติกเสร็จการลงไฮไลต์แบบนี้จะทำให้ริมฝีปากดูมีมิติมากขึ้น

25 เคล็ดลับในการทาลิปสติกให้ติดทน คือการขัดริมฝีปากด้วยแปรงขนนุ่มอาทิตย์ละครั้งนอกจากจะได้เรียวปากสุขภาพดีแล้วยังทำให้ทาลิปสติกติดทนอีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ผู้หญิงวันนี้ ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต


เทคนิค! คืนความสดใสให้ผิวรอบดวงตา และ ผิวหน้า



เทคนิค! คืนความสดใสให้ผิวรอบดวงตา และ ผิวหน้ามาคืนความสดใสให้ผิวรอบดวงตา และ ผิวหน้า กันดีกว่าค่ะ สาวๆ หลายคนมีความกันวลใจเรื่องผิวรอบดวงตา และ ผิวหน้ากันมิใช่น้อย ว่าจะทำอย่างไรก็ได้ให้ คืนความสดใสให้ผิวรอบดวงตา และ ผิวหน้า กันให้ได้ และวันนี้ก็มีเทคนิคง่ายๆ ที่จะ คืนความสดใสให้ผิวรอบดวงตา และ ผิวหน้า ของคุณผู้หญิงกันค่ะ รับรองว่าเทคนิค คืนความสดใสให้ผิวรอบดวงตา และ ผิวหน้า นี้ใช้เวลาเพียงไม่นานแน่นอนค่ะ ว่าแต่คุณผู้หญิงพร้อมจะคืนความสดใสให้ผิวรอบดวงตา และ ผิวหน้า ของคุณไปพร้อมกัน แล้วรึยังค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็มาดู เทคนิค คืนความสดใสให้ผิวรอบดวงตา และ ผิวหน้า ไปกันเลยค่ะ แล้วต่อไปคุณผู้หญิงจะได้ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไปค่ะ



2 เทคนิค คืนความสดใสให้ผิวรอบดวงตา และ ผิวหน้า
1. แช่ถุงชาเขียว (ซึ่งมีแอนตี้ออกซิแดนท์ตามธรรมชาติอันเข้มข้น) ในน้ำเย็น จากนั้น วางลงบนตาสักสองสามนาที ดวงตาจะสดใสขึ้นทันที และลดอาการบวมได้ด้วย

2. การใช้ผ้าขนหนูสะอาดๆ ชุบนมแบบไม่พร่องมันเนยเย็นเจี๊ยบ บิดพอหมาด คลุมบนใบหน้าสัก 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น นมเย็นจะช่วยต้านการเกิดรอยแดง ในขณะที่กรดแลกติกในนมจะช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วพร้อมตรึงความชุ่มชื้นไว้ในผิว


ขอขอบคุณข้อมูลการดูแลผิวสวยผิวขาวจาก lisa ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

6 สูตร มาส์กหน้า

วันพาคุณผู้หญิงมาปรณิบัติผิวด้วยมาส์กหน้าอย่างไรได้ผล เพื่อให้ผิวของคุณได้รับสารบำรุงอย่างล้ำลึกและเพื่อเป็นการช่วยให้ผิว ของคุณได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่อีกด้วยค่ะ หากว่าคุณ มาส์กหน้า อย่างสม่ำเสมอผิวของคุณก็จะเนียนนุ่มสดใสและมีชีวิตชีวาอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะค่ะ สูตรมาส์กหน้า ต่อไปนี้ควรทำอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ค่ะ

มาส์กหน้า


1.มาส์กหน้าสูตรน้ำผึ้ง 

ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง แล้วใช้ปลายนิ้วแตะน้ำผึ้งลูบไล้บนใบหน้าและลำคอเบาๆ สักครู่ แล้วนวดหน้าด้วยปลายนิ้วอย่างแผ่วเบาประมาณ 5 นาที จนน้ำผึ้งเหนียวนวดต่อไปไม่ได้แล้ว ก็ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ระหว่างนั้นให้นอนพักศีรษะอยู่ต่ำกว่าระดับปลายเท้า เพื่อให้เลือดไหลมาหล่อเลี้ยงที่ใบหน้าและลำคอได้สะดวกยิ่งขึ้น เมื่อครบเวลาแล้วค่อยๆ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดน้ำผึ้งออกให้สะอาด





2.มาส์กหน้าสูตรแอปเปิ้ล 

ปอกแอปเปิ้ลคว้านเอาไส้และเมล็ดออก บดให้ละเอียด ขณะที่บดให้ผสมน้ำผึ้งลงไปด้วย เมื่อบดจนเข้ากันดีแล้ว นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที แล้วใช้นมสดเย็นๆ ล้าง ตามด้วยน้ำสะอาดอีกที


3.มาส์กหน้าสูตรแตงโม 

ฝานแตงโมเป็นชิ้นบางๆ จากส่วนที่แดงที่สุด นำมาแปะให้ทั่วใบหน้าแล้วใช้ผ้าคลุมหน้าไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น


4.มาส์กหน้าสูตรไข่ขาว 

ต่อยไข่ไก่ 1 ฟอง แยกไข่แดงออกเทเฉพาะไข่ขาวลงในถ้วย ใช้ส้อมตีไข่ขาวจนเป็นฟองพอสมควร แล้วใช้แปรงขนนุ่มจุ่มไข่ขาวทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที หรือพอไข่ขาวเริ่มจับตัวแข็งแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น





5.มาส์กหน้าสูตรมะเขือเทศ 

ฝานมะเขือเทศชิ้นหนาๆ ถูให้ทั่วใบหน้าและลำคอเบาๆ ตรงบริเวณที่มีสิวเสี้ยน มะเขือเทศมีวิตามินซีและกรด AHA จะช่วยลอกผิวหน้าที่ตายแล้วให้หลุดออกได้ หลังจากนั้นจึงค่อยใช้สำลีชุบน้ำเย็นเช็ดมะเขือเทศออกให้สะอาด



6.มาส์กหน้าสูตรโยเกิร์ต 
สำหรับทุกสภาพผิว โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1/2 ถ้วย น้ำมันดอกทานตะวัน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาวคั้นสดๆ 1 ช้อนโต๊ะ นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมให้เข้ากันแล้วพอกทั้งหน้า ทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดจะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึกและบำรุงผิว ให้ชุ่มชื้น


ข้อควรระวัง 
หากมีอาการคันหรือระคายเคืองระหว่างการมาส์กหน้าให้หยุดขั้นตอนการทำแล้วรีบล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดทันที


ขอขอบคุณข้อมูลจาก Woman Plus ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต


เลือกใช้ "ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า" เพื่อผิวหน้าสวยใส

วิธีเลือก ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า


ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการทำความสะอาดผิวหน้านั้น ส่วนใหญ่จะมีสารลดแรงตึงผิว (Surfactant) ทำหน้าที่กำจัดคราบไขมันและสิ่งสกปรกบนใบหน้าให้หมดไปแต่ควรมีคุณสมบัติสำคัญที่น่าใช้ ดังนี้ คือ



ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดผิวหน้าควรเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิวหน้าและที่สำคัญควรมีค่า pH ที่เหมาะสมกับสภาพผิวตามธรรมชาติให้มากที่สุด ค่า pH ที่เหมาะสมคือ ค่า pH 0.5-5.5 (ค่า pH คือค่าความสมดุลของกรดด่าง)

ผลิตภัณฑ์ที่ดีต้องปราศจากส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดการอุดตันบริเวณต่อมรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการก่อให้เกิดสิว หรือที่เรียกว่า Non-Comedogenic นั่งเองค่ะ



ส่วนผสมของสารที่ปรับสภาพผิวหน้าให้นุ่มคืนความชุ่มชื่นสู่ผิวพรรณเป็นหลัก นั่นคือ Moisturizer (มอยส์เจอร์ไรเซอร์) วิตามินอี หรือส่วนผสมจากวิตามินธรรมชาติในการบำบัดบำรุงผิวพรรณเป็นหลัก ใช้แล้วผิวหน้าไม่แห้งตึงที่สำคัญไม่ว่าคุณผู้หญิงจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดใดก็ตามเลือกที่มีคุณภาพสมราคาไม่ใช่ว่าของแพงราคาสูงลิบลิ่วจะดีเสมอไป หรือว่าของถูกมีของแถมซื้อ 1 แถม 3 ก็ใช่ว่าจะมีคุณค่าต่อผิวพรรณ เลือกที่ไว้ใจได้ไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาการระคายเคืองต่อผิวพรรณของคุณก็จะเป็นการดีที่สุดแล้วล่ะค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือสวยด้วยแพทย์ ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต


เคล็ดลับ! คางเรียว

สำหรับผู้หญิงคนไหนที่ต้องการจะให้คางเรียวเล็กลงนั้น ผู้หญิงหลาย ๆ คนอาจจะคิดว่า มันยากแต่จริง ๆ แล้ว มันจะไม่ยากอย่างที่ิคิดค่ะ เพราะวันนี้เราได้นำเอาเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะทำให้คางของคุณดูเล็กลงได้ด้วยมือขอคุณเองมาฝากกันค่ะ

คางเรียวเล็ก

คางเรียวเล็ก ด้วยเคล็ดลับสุดง่าย! กับการค่อย ๆ แรเงารอบ ๆ บริเวณคางบาง ๆ ด้วยบรอนเซอร์ที่มีสีเข้มกว่าสีผิวจริงหนึ่งเฉด ห้ามใช้สีที่เข้มกว่านี้เป็นอันขาดเพราะจะทำให้คางของคุณดูเป็นจุดเด่นมากขึ้น วิธีทาบรอนเซอร์ให้ดูแนบเนียนที่สุดก็คือ ใช้แปรงปัดแก้มขนาดใหญ่ลูบไล้ลงบนบรอนเซอร์แล้วเคาะแปรงเพื่อขจัดบรอนเซอร์ส่วนเกินออก จากนั้นลูบไล้ลงในบริเวณคางโดยเกลี่ยลงไปจนถึงคอและปัดขึ้นไปจนถึงแนวเส้นผม วิธีนี้จะช่วยให้เกิดภาพลวงตาที่ดูเหมือนเป็นเงาลาง ๆ บนใบหน้าทำให้คางดูเรียวและเป็นที่สังเกตได้น้อยลง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก lisa ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต


อัพเดตเมคอัพ 5 ลุคจากแคตวอล์กที่สวยได้จริง

5 ลุคจากแคตวอล์ก Spring 2012 สวยเด่น...งามได้จริง!!! แต่งตัวสวยไม่ตกเทรนด์ล่าสุดกันแล้ว ก็อย่าลืมอัพเดตเมคอัพลุคกันซะหน่อย...ไม่ต้องสวยแบบจัดเต็ม เอาแค่สวยแบบเบา ๆ เดินถนนได้ แต่เริ่ดจริงก็คงพอเนอะ


1. Power Brows ลุคคิ้วเข้ม ๆ ครองรันเวย์สปริงปีนี้ เป็นลุคที่เตะตาเพราะฉะนั้นตอนนี้ ถ้าจะเขียนคิ้วต้องเขียนให้หนา ๆ เข้าไว้สักหน่อย


TIP ถึงคิ้วจะหนา แต่ก็ต้องไม่รก ถ้าถนัดใช้ดินสอก็เขียนเส้นสั้น ๆ ไปตามแนวคิ้วหรือใช้อายแชโดว์แบบฝุ่นเติมช่องว่างของเส้นคิ้วให้ดูหนาขึ้น เลือกสีคิ้วที่อ่อนกว่าสีผมสักหนึ่งเฉด



2. Modern Cat Eyes สาว ๆ ที่ชอบกรีดอายไลเนอร์ ตอนนี้เขียนอายไลเนอร์เป็นเส้นหนา ๆ หน่อยนะ จะเขียนเป็นเส้นคม ๆ หรือใช้อายแชโดว์เขียนเป็นฟุ้ง ๆ ก็ได้ โดยลากปลายเส้นขอบตาให้ยกขึ้นเหมือนตาแมว


TIP วิธีง่าย ๆ ในการเขียนเส้นขอบตาหนา ๆ ก็คือ ใช้ดินสอเขียนขอบตาเขียนเส้นจากกึ่งกลางตาบนไปหาหางตา และเขียนอีกเส้นหนึ่ง จากหางตาล่างขึ้นไปบรรจบกันเป็นรูปสามเหลี่ยม แล้วค่อยเติมช่องว่าง 


3. Doll Lashes ขนตาเป็นอีกจุดเด่นสำคัญของซีซั่นนี้ โดยเฉพาะขนตาที่ยาว หนาแผ่ออกไปเหมือนขนตาตุ๊กตา และดูเป็นมันวาวเหมือนเส้นไนลอน


TIP ขนตาปลอมเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับการแต่งสไตล์นี้ แต่ถ้าไม่ชอบมาสคาร่ารุ่นใหม่ ๆ สามารถใช้เอฟเฟ็กต์แบบเดียวกันได้ โดยต้องดัดขนตาก่อนปัดมาสคาร่า และปัดซ้ำหลาย ๆ รอบ รวมทั้งอย่าลืมปัดขนตาล่างด้วย เวลาปัดขนตาล่าง ให้ถือแปรงมาสคาร่าในแนวตั้งจะปัดได้ง่ายกว่า



4. Bole Lips VS Fresh Lips คุณมีสองทางเลือกสำหรับสีปากในซีซั่นนี้ ถ้าไม่เป็นสีสดแรง ก็เป็นสีชมพูอ่อน ๆ เหมือนกลีบกุหลาบแรกแย้มที่เข้าได้กับแทบทุกสีผิว โดยสีสดใสที่มาแรงสุด ๆ ตอนนี้ก็คือสีส้มแดงหรือสีคอรัล


TIP สำหรับเรียวปากสีชมพูระเรื่อ ลองเลือกลิปสติกแบบเนื้อครีมที่ดูชุ่มฉ่ำ แล้วใช้นิ้วเกลี่ย ๆ หรือใช้ทิชชู่ซับ ๆ ให้ปากดูเป็นสีระเรื่อ ส่วนเรียวปากสีสด ทาคอนชีลเลอร์บนเรียวปาก เพื่อให้ดูเรียบเนียนก่อนทาปากโดยใช้พู่กัน แล้วค่อยเขียนเส้นขอบปากจะดูเนี้ยบแต่เป็นธรรมชาติกว่าการเขียนขอบปากก่อน



5. Sporty Cheeks พวงแก้มที่สวมเปล่งปลั่งเป็นสีชมพูระเรื่อที่ได้แรงบันดาลใจ จากแก้มของสาวนักกีฬา เหมาะมากเมื่อจับคู่กับเรียวปากสีชมพูระเรื่อ

TIP ทาบลัชลงบริเวณแก้มซึ่งจะเป็นสีระเรื่อ ในยามที่คุณออกกำลัง หรือก้มศีรษะลงเพื่อให้เลือดไหลลงมาบริเวณศีรษะ เมื่อเงยหน้าขึ้น ลองดูจุดที่แก้มเป็นสีระเรื่อขึ้น นั่นคือจุดที่ควรทาบลัช

ขอขอบคุณข้อมูลจากKapook.com



7 วิธีเมคอัพง่าย ๆ ในชั่วโมงเร่งด่วน 

เคยไหมที่มีนัดปาร์ตี้กับเหล่าเพื่อนสาวในตอนเย็น ตั้งใจว่าจะไปนั่งจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ คุยกันชิล ๆ แต่งตัวสวย ๆ แต่ปรากฏว่าในวันนั้นงานที่ทำกลับเลิกช้ากว่าปกติ ทำให้ต้องรีบรุดออกไปให้ทันเวลานัดจนแทบไม่มีเวลาเตรียมตัวเลยด้วยซ้ำ แหม แต่สาว ๆ อย่างเราจะปล่อยให้ตัวเองออกไปแบบโทรม ๆ ได้อย่างไรกันคะ ในชั่วโมงเร่งรีบแม้จะมีเวลาเพียงน้อยนิดอย่างไร เราก็ยังเติมแต่งความงามให้ตัวเองได้ ลองมาดู 

7 วิธีเมคอัพง่าย ๆ สำหรับชั่วโมงเร่งด่วนที่นำมาฝากกันค่ะ


 1. ตาคมเข้มด้วยแบบง่ายแค่อายไลน์เนอร์กับอายแชโดว์



เติมเสน่ห์ให้ดวงตาแบบง่าย ๆ ด้วยลุคอายไลน์เนอร์ที่กินพื้นที่เปลือกตาคุณขึ้นไปเล็กน้อย เริ่มจากใช้อายไลน์เนอร์แบบน้ำลากตามแนวขอบตาของคุณ จากนั้นจึงใช้แปรงขนสั้นแตะอายไลน์เนอร์เนื้อแมทสีดำทาลงไปเหนือแนวอายไลน์เนอร์ที่ได้ลากไว้เมื่อสักครู่ โดยเน้นหนาขึ้นที่ช่วงกลางตาไปจนถึงหางตา ไม่ต้องกังวลหากมันเปื้อน เพราะคุณสามารถเก็บความเรียบร้อยได้ด้วยคอตตอนบัด จากนั้นปัดมาสคาร่าทั้งขนตาบนและล่าง เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว



 2. ดวงตาสดใสด้วยประกายมุก



ใช้ดินสอเขียนขอบตาสีเบจเขียนขอบตาด้านใน จากนั้นจึงเขียนแนวขอบตาบนด้านนอกด้วยอายไลน์เนอร์สีดำ จากนั้นใช้อายแชโดว์สีขาวประกายเงินทาทั่วเปลือกตาขึ้นไปจนถึงโหนกคิ้ว แตะอายแชโดว์สีพีชที่มีประกายมุกไปที่แนวขอบตา ใช้ปลายนิ้วเบลนเบา ๆ ให้เข้ากัน แล้วปาดแบบเบามือออกไปจนถึงบริเวณขมับเพื่อเป็นการสร้างไฮไลท์ ปิดท้ายด้วยการปัดมาสคาร่าที่ขนตาบน


 3. จับคู่ปากและตาสีแดงสดใส


เปรี้ยวจี๊ดด้วยการจับคู่สีแดงสดใสให้กับทั้งตาและริมฝีปาก เริ่มด้วยการการแต้มอายแชโดว์สีแดงไปที่เปลือกตา จากนั้นแตะอายแชโดว์สีขาวเติมลงไปกลางเปลือกตา เพื่อเป็นการเติมไฮไลท์และความสว่างสดใสให้กับดวงตา จากนั้นปัดมาสคาร่าเติมขนตาให้ยาวงามงอน แล้วแต้มลิปสติกสีแดงสดที่ริมฝีปาก ปิดท้ายด้วยการเติมความแวววาวด้วยลิปกลอส


 4. เก๋ไก๋ด้วยอายไลน์เนอร์สีม่วง



ลองเติมลุคสาวปาร์ตี้ด้วยการใช้อายไลน์เนอร์สีม่วงที่แนวขอบตาล่าง เริ่มต้นด้วยการใช้ดินสอเขียนขอบตาสีดำเขียนแนวขอบตาด้านใน ทั้งด้านบนและด้านล่าง จากนั้นใช้พู่กันแตะอายแชโดว์สีม่วงลากตามแนวขอบตาล่าง โดยไม่ลืมเบลนสีม่วงและดำให้กลมกลืนกันที่หางตา เขียนอายไลน์เนอร์สีดำให้เปลือกตาบนดูโฉบเฉี่ยวอีกสักหน่อย แล้วปัดมาสคาร่า เท่านี้ก็พร้อมไปปาร์ตี้แล้ว


 5. อบอุ่นด้วยสีน้ำตาลอมส้ม


ใครที่ชอบความอบอุ่นเป็นธรรมชาติน่าจะถูกใจลุคนี้ กับเปลือกตาสีน้ำตาลคาราเมลอมส้ม พร้อมแก้มและปากดูเป็นสีอมส้มระเรื่อ ๆ น่ารักเป็นที่สุด เริ่มจากเตรียมผิวด้วยครีมรองพื้นเนื้อเบาเพื่อความเป็นธรรมชาติ ตบไฮไลท์สีน้ำตาลทองอมเทาที่โหนกแก้ม ขมับ รอยหยักเหนือริมฝีปาก และแนวดั้ง จากนั้นปัดแก้มด้วยฟินิชชิ่งพาวเดอร์สีโกลเด้นแทน แล้วแตะอายแชโดว์เนื้อครีมสีน้ำตาลอ่อนอมส้มที่เปลือกตา โดยทาให้ชิดแนวขอบตามากที่สุด ปัดมาสคาร่าเบา ๆ เพิ่มความสดใสให้ดวงตา ปิดท้ายด้วยลิปลิกสีส้มนู้ด เท่านี้ก็ดูสวยอบอุ่นแบบเป็นธรรมชาติแล้ว


 6. สดใสอ่อนวัยด้วยสีชมพู


สีชมพูทำให้เรานึกถึงตุ๊กตาบาร์บี้หรือไม่ก็บับเบิ้ลกัมกลิ่นหอมหวาน แสนจะสดใสเสียนี่กระไร ลองแต่งหน้าให้สดใสน่ารักด้วยสีชมพูง่าย ๆ แค่ปาดบลัชสีชมพูที่หลังมือ จากนั้นใช้แปรงปัดแก้มแบบกลมฟู แตะบลัชจากหลังมือแล้วมาวนไล้ที่แก้ม จนได้ความเข้มที่ต้องการ ส่วนริมฝีปากแต้มด้วยลิปสติกเนื้อเชียร์สีชมพูมุก แล้วปิดท้ายด้วยลิปกลอส เท่านี้ก็ได้ลุคสวยเบา ๆ แบบสาวน้อยแล้วล่ะ


 7. สวยแตกต่างด้วยลิปสีช็อกโกแลต


หากอยากลองแตกต่างจากคนอื่น ๆ ลองแต่งหน้าโทนนู้ดแล้วแต่งแต้มริมฝีปากด้วยลิปติกสีน้ำตาลช็อกโกแลต หรือจะใช้พู่กันเบลนสีน้ำตาลม็อคค่า และน้ำตาลช็อกโกแลตอมแดงให้เข้ากันที่หลังมือ จากนั้นจึงแต้มลงไปที่ริมฝีปาก โดยเน้นวาดรอยหยักที่ริมฝีปากบนให้ชัดเจนเพื่อเป็นลูกเล่นในการแต่งหน้าสักนิด จบท้ายด้วยการตบแป้งโปร่งแสงลงไปที่ริมฝีปากเบา ๆ ซึ่งจะทำให้ปากไม่ดูมันเยิ้ม และช่วยให้สีลิปติกอยู่ติดทนนานขึ้นด้วย



เพียงเท่านี้แม้ว่าคุณมีเวลาน้อยเพียงใด ก็สามารถไปงานปาร์ตี้ได้แบบสวย ๆ มั่น ๆ แน่นอนค่ะ 


ขอขอบคุณข้อมูลจากKapook.com ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต



ขาหนีบดำ... ทำไงดี


ที่ผ่านมาสาว ๆ หลายคนอาจกลุ้มใจกับปัญหาขาหนีบดำ จนอายที่จะใส่บิกินี่น่ารัก ๆ ไปเที่ยวทะเล แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลไป เพียงแค่ทำตามเทคนิคลดรอยด่างดำตามนี้ คุณก็สามารถใส่บิกินี่ไปอวดหุ่นสวยไม่แพ้ใครรับหน้าร้อนนี้ได้เช่นกัน

     1. ลดโอกาสเกิดเสียแต่แรก
         คุณควรเลี่ยงการใส่ชั้นในรัด ๆ ที่ทำให้ผิวหยาบกร้านและเกิดรอยด่างดำ นอกจากนี้ หากผิวของคุณเกิดรอยเพราะน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็ควรเริ่มลดน้ำหนักของคุณอย่างจริงจังได้แล้ว เพื่อให้ผิวของคุณกลับมาดูดี รวมถึงเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น และยังช่วยเรียกความมั่นใจของคุณให้เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย

     
2.  ใช้สบู่สูตรที่เหมาะกับคุณ
          หากคุณไม่ต้องการใช้สูตรผสมสมุนไพรต่าง ๆ ให้ยุ่งยาก คุณก็สามารถใช้สบู่ธรรมดา ๆ ขัดถูเป็นพิเศษเวลาอาบน้ำได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ต้องเป็นสบู่ที่มีส่วนผสมหลักเป็นชะเอมเท่านั้น จึงจะช่วยให้ผิวส่วนนั้นของคุณนุ่มและขาวขึ้นได้ ทั้งนี้ หากลองบีบน้ำเลมอนประมาณครึ่งลูกผสมในเจลอาบน้ำ แล้วทาทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นจึงค่อยล้างออก ก็สามารถช่วยคุณได้เช่นกัน

     
3. bio oil ช่วยคุณได้
          น้ำมัน bio oil นั้นเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทำจากส่วมผสมตามธรรมชาติเป็นหลัก เช่น น้ำมันสกัดจากคาโมมายล์และลาเวนเดอร์ เพื่อใช้ลบเลือนริ้วรอยด่างดำและแผลเป็นโดยเฉพาะ จึงสามารถใช้ได้สารพัดประโยชน์ เพราะนอกจากจะช่วยให้รอยดำที่ขาหนีบของคุณจางลงได้แล้ว ยังสามารถใช้ลดรอยดำตามข้อพับอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นรักแร้หรือข้อพับขา เพื่อให้ผิวของคุณดูนุ่มเนียน และขาวขึ้นได้อีกด้วย เพียงแค่ทาบริเวณรอยด่างดำเป็นประจำทุกวันเท่านั้น

     
4. เอามะขามเปียกเข้าช่วย
          ด้วยวิธีการง่าย ๆ เพียงแค่นำมะขามเปียกพอประมาณ น้ำอุ่น ถ้วย และนมสดครึ่งกล่อง หรือ ประมาณ 100 มิลลิลิตร มาผสมเข้าด้วยกันจนมีลักษณะคล้ายครีม จากนั้นนำมาพอกบริเวณขาหนีบ และนวดเบา ๆ เท่านั้น ก็ช่วยให้รอยดำที่หยาบกร้านบริเวณขาหนีบ กลับมานุ่มนิ่ม และรอยดำจางลงได้ อย่างไรก็ตาม ควรทำเป็นประจำ อย่างน้อยอาทิตย์ละ ครั้ง

     
5. ใช้น้ำนมให้เป็นประโยชน์
          นมเปรี้ยวที่มีส่วนผสมของกรดแลคติคสูง จะช่วยให้ผิวของคุณกลับมาเรียบเนียนและขาวขึ้นได้ ดังนั้นคุณจึงควรนำนมเปรี้ยวยี่ห้อใดก็ได้มาทาในบริเวณที่ผิวคล้ำเสีย เพื่อสุขภาพผิวที่ดีขึ้น นอกจากนี้ การดื่มนมอุ่นครึ่งแก้วผสมด้วยผงขมิ้นครึ่งช้อนชาอย่างต่อเนื่องทุก ๆ วัน ยังช่วยทำให้ผิวของคุณดูขาวขึ้นได้โดยไม่ต้องเสี่ยงกับอันตรายจากสารเคมีแบบครีมทาผิวอื่น ๆ อีกด้วย

     
6. ผสมสมุนไพรทาดู

          ส่วนผสมที่ใช้ในสูตรนี้นั้นมีไม่มาก แถมยังหาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพงอีกด้วย แค่เพียงนำน้ำมะนาว มาผสมกับผงขมิ้นและนมสด พอกทิ้งไว้บริเวณรอยด่างดำจนแห้ง จากนั้นจึงค่อยล้างออก ก็จะช่วยให้ผิวของคุณขาวและนุ่มเนียนขึ้นได้แล้ว

     
7. ขัดผิวเป็นประจำ
          การขัดผิวอย่างสม่ำเสมอจะเป็นการช่วยผลัดเซลล์ผิวของคุณ ซึ่งจะช่วยให้ผิวของคุณหยาบกร้านน้อยลง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผิวบริเวณรอยด่างดำของคุณนั้นค่อนข้างบอบบาง จึงควรใช้แต่สครับสูตรที่สกัดจากธรรมชาติเท่านั้น

          เพียงแค่ทำตามเทคนิคง่าย ๆ ข้อนี้คุณก็ไม่ต้องกังวลกับรอยคล้ำเสียหยาบกร้านให้อายใครแล้ว สาว ๆ ลองไปทำกันดูนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจากKapook.com



แก้ปัญหา...หน้ามัน 

“ทำหน้าให้มัน มันๆ ดิ๊” ประโยคนี้จากในโฆษณาคงแทงใจดำคนหน้ามันไปหลายคนเชียว บางคนคงคิดอยู่ในใจว่า “ไม่ต้องทำอะไร หน้าชั้นก็มันอยู่แล้วอ่ะ” นี่ก็ยิ่งใกล้เข้าสู่หน้าร้อนแล้วด้วย มาดูกันซิว่า สาวผิวมันเค้าต้องดูแลตัวเองยังไงกันบ้าง


หากคุณเป็นคนนึงที่มีผิวหน้ามันเป็นปัญหาหนึ่งของชีวิตที่น่ารำคาญใจ สิ่งสำคัญของสาวผิวมันนั้น อยู่ที่การทำความสะอาดใบหน้าให้สม่ำเสมอและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพิ่มความมันบนใบหน้าให้มีมากไปกว่าเดิม โดยควรปฏิบัติตามข้อแนะนำ ดังนี้

 ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสำหรับผิวมันโดยเฉพาะหรืออาจใช้สบู่หรือโฟมล้างหน้าแบบอ่อนๆ หรือเจลใสไร้ฟอง เพื่อให้ผิวไม่เกิดการระคายเคือง สาวผิวมันบางคนอาจไม่คุ้นชินกับการล้างหน้าโดยใช้โฟมล้างหน้าแบบไม่มีฟอง เพราะรู้สึกเหมือนกับว่ายังล้างหน้าไม่สะอาด จริงๆแล้วเป็นความคิดที่ผิดนะคะ เพราะว่า การล้างหน้าโดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีฟองนั้น จะทำให้สารเคลือบผิวบนใบหน้า ถูกทำลายน้อยกว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าแบบที่มีฟองเยอะเลยล่ะค่ะ สำหรับผู้ที่อยากลองเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าแบบไม่มีฟอง ขอแนะนำว่า ขณะกำลังล้างหน้า ให้ใช้มือวนเป็นวงๆ เบาๆ ให้ทั่วใบหน้าเพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันตามรูขุมขนออก จากนั้น ใช้สำลีเช็ดผลิตภัณฑ์ล้างหน้านั้นออกก่อนการล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้คุณก็จะรู้สึกว่าการล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์แบบไม่มีฟองนั้น ช่วยให้คุณรู้สึกว่าล้างหน้าสะอาดหมดจดได้โดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึงค่ะ

 ควรล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น เพื่อเปิดรูขุมขนให้สามารถขจัดสิ่งสกปรกที่ฝังลึก จากนั้นล้างหน้าด้วยน้ำเย็นในน้ำสุดท้ายเพื่อกระชับรูขุมขน

 ใช้โทนเนอร์ที่ช่วยควบคุมความมันและกระชับรูขุมขนหลังการล้างหน้า 

 ตามด้วยมอยซ์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวสำหรับสาวผิวมันโดยเฉพาะหรือใช้โลชั่นควบคุมความมัน ทาในขั้นตอนสุดท้ายก่อนการแต่งหน้า ที่สำคัญ ทุกขั้นตอนที่กล่าวมาก็ควรปฏิบัติให้ได้อย่างสม่ำเสมอ เพราะผิวหน้าจะสวยและมีสุขภาพดีได้นั้น ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวนั่นแหละค่ะ ว่าจะดูแลผิวหน้าของตัวเองได้ดีแค่ไหน เพราะใช่ว่า หน้ามันๆ จะทำให้ชีวิตต้องเศร้าหมองประคองอารมณ์เสมอไป อย่างน้อย สาวผิวมันอย่างเรา ก็เหี่ยวและเกิดริ้วรอยได้ช้ากว่าสาวผิวแห้งเขาล่ะ จริงมะ!!!

ขอขอบคุณข้อมูลจาก pooyingnaka.com  ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต 


8 วิธีสร้างผิวไร้สิวฝ้า 

การได้เป็นเจ้าของใบหน้าที่นวลเนียนสดใส ล้วนเป็นที่ปรารถนาของทุกคน แต่ไม่เคยมีใครที่ไม่มีปัญหากับผิวของตนเอง การเรียนรู้วิธีรักษาและป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก จึงน่าจะเป็นวิถีทางที่ดีที่สุดสู่การเป็นเจ้าของผิวสวย เคล็ดลับสู่ผิวสวยใสไร้สิวฝ้านั้นมีง่าย ๆ ดังนี้

วิธีที่ 1 การล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน

เพื่อชำระล้างเหงื่อไคล ไขมันและขี้ไคลออกจากผิวหนัง เวลาล้างหน้าให้ล้างเบา ๆ แล้วซับน้ำให้แห้งด้วยผ้าขนหนูสะอาด อย่าใช้ผ้าขนหนูถูหน้าแรง ๆ เพราะจะทำให้สิวอักเสบมากขึ้น ไม่ควรใช้แปรง ฟองน้ำ หรือสบู่ที่ผสมเม็ดขัดถู ขัดถูใบหน้า เพราะทำให้ใบหน้าระคายเคือง และกระตุ้นให้สิวกำเริบมากขึ้น

วิธีที่ 2 หากเป็นสิวน้อย อาจทายาเองได้

ผู้ที่มีปัญหาสิวเพียงเล็กน้อย เช่น สิวหัวดำ หัวขาว หรือสิวอักเสบเพียงเล็กน้อย อาจหาซื้อยามาทาเองได้ แต่ต้องอ่านฉลากยาให้เข้าใจวิธีใช้โดยละเอียดเสียก่อน หากใช้ครีมทา รักษาสิวแล้วเกิดอาการผิวแห้งหรือ ระคายเคือง ควรปรึกษาแพทย์ ต้องระวังยาที่โฆษณาว่ารักษาได้ทั้งสิวและฝ้า เพราะยาพวกนี้มักผสมสตีรอยด์ ซึ่งอาจทำให้สิวยุบเร็วจริง แต่มีข้อแทรกซ้อนตามมามากมาย กรณีที่เป็นสิวอักเสบมาก จัดเป็นโรคผิวหนัง จำเป็นต้องได้รับยาภายใต้การดูแลของแพทย์ และยากินรักษา สิวบางตัวอาจทำให้ทารกในครรภ์พิการได้

วิธีที่ 3 พิจารณาให้ดีก่อนใช้เครื่องสำอาง

ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่มีผลต่อการทำงานของผิวหนัง ต้องไม่มีสารสตีรอยด์เจือปน ควรเลือกใช้ครีมให้ความชุ่มชื้นที่ไม่มีส่วนประกอบที่เป็นสารเคมี ที่กระตุ้นให้เกิดสิว ไม่ควรใช้เครื่องสำอางที่เหนียวเหนอะหนะเกินไป เครื่องสำอางที่มีราคาแพงที่สุด อาจไม่ใช่เครื่องสำอางที่ดีที่สุด หรือที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ

วิธีที่ 4 ไม่แนะนำให้บีบแกะสิวออกด้วยตนเอง

การบีบแกะสิวออก จะทำให้เกิดการอักเสบลุกลาม และเกิดแผลเป็นได้มาก แพทย์อาจพิจารณากดสิวอุดตันหัวดำออกให้ในกรณีที่จำเป็น ส่วนในกรณีที่มีสิวอักเสบหรือสิวหัวช้าง การฉีดยาสตีรอยด์เข้าไปในสิวอาจทำให้สิวยุบลงอย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับกรณีเร่งด่วน เช่น จะเข้าพิธีแต่งงานในวันรุ่งขึ้น แต่วิธีนี้ก็อาจเกิดผลแทรกซ้อนตามมาได้ ส่วนการใช้แผ่นขจัดสิวเสี้ยนนั้น หากใช้บ่อยครั้งเกินไป ผิวอาจอักเสบระคายเคืองและเป็นการกระตุ้นให้เกิดสิวมากขึ้นได้

วิธีที่ 5 หลีกไกลรอยเหี่ยวย่นโดยขจัดสาเหตุ

รอยเหี่ยวย่นบนผิวหน้าของคนเรา แบ่งเป็น 3 ชนิด ใหญ่ ๆ คือ รอยเหี่ยวจากอารมณ์ รอยเหี่ยวจากแสงแดด และรอยเหี่ยวแห้ง ผู้ที่มีแต่ความเครียดชอบหน้านิ่วคิ้วขมวดหรือเลิก หน้าผาก จะเกิดร่องย่นได้ตามหัวคิ้ว และหน้าผาก ครีมบำรุงผิวที่อ้างว่าลบรอยเหี่ยวต่าง ๆ จึงไม่เป็นจริง เพราะเครื่องสำอางเหล่านี้ออกฤทธิ์เพียงแค่ชั้นนอกสุดคือชั้นขี้ไคล แต่ส่วนที่เสียไปคือส่วนชั้นหนังแท้ การป้องกันรอยเหี่ยวย่น 3 แบบนี้คือ การมีอารมณ์ แจ่มใส อย่าหน้านิ่วคิ้วขมวด เพื่อลดรอยเหี่ยวย่นจากอารมณ์ หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดจัดเพื่อป้องกันรอยเหี่ยวย่นจากแสงแดด และการใช้ครีมให้ความชุ่มชื้นทาในกรณีของรอยเหี่ยวแห้ง

วิธีที่ 6 รักษาฝ้าและกระโดยการเลี่ยงแดด

ยังไม่มีวิธีใดที่รักษาฝ้าให้หายขาดและไม่เกิดขึ้นใหม่ได้อีก จึงไม่ควรเสียเงินและเวลาให้กับการรักษาฝ้าและกระจนเกินไป ชาวต่างประเทศถือว่ากระเป็นเสน่ห์ของใบหน้า (beauty spots) วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันรักษาฝ้าและกระ คือ การหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วง 08.00 - 17.00 น. เพราะรังสีในแสงแดดนอกจากทำให้ฝ้าและกระเข้มขึ้น ยังทำให้ผิวเหี่ยวแก่ และเกิดมะเร็งผิวหนังได้

วิธีที่ 7 พักผ่อนเพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์

การทำงานหนักโดยไม่พักผ่อนเลย หรือเอาแต่เล่น โดยไม่ทำงานให้เป็นแก่นสารต่างมีผลเสียต่อสุขภาพ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ก่อผลเสียต่อผิวได้ การสูบบุหรี่นอกจากจะมีผลต่อสุขภาพร่างกายทั่วไปแล้ว ยังทำให้ใบหน้าแลดูแก่ก่อนวัยไปนับ 20 ปี เพราะนิโคตินทำให้หลอดเลือดหดตัว เซลล์ผิวหนังจึงขาดสารอาหาร เกิดริ้วรอยเหี่ยวแก่ขึ้น นอกจากนั้น การดื่มเบียร์ ดื่มเหล้า ดื่มไวน์ ตลอดจนยาเสพติดในทุกรูปแบบต่างก่อปัญหาแก่ผิวทั้งสิ้น จึงควรดูแลสุขภาพด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ คือนอนหลับวันละไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง กินอาหารให้ครบทุกหมู่และดื่มน้ำให้เพียงพอ ไม่มีอาหารเสริมหรือวิตามินมหัศจรรย์ตัวใดที่จะทำให้ผิวสวยได้ หากไม่ปฏิบัติตามกติกาอนามัยพื้นฐาน เหล่านี้

วิธีที่ 8 อยากมีผิวสวยต้องไม่เครียด

อารมณ์กับสุขภาพผิวถือเป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์กันแนบแน่น ความเครียดทำให้ผิวหนังอักเสบเป็นลมพิษ ผมร่วง หรือสิวกำเริบขึ้นได้ บางรายเวลาเครียดมากจะแกะสิวเล่น ทำให้ใบหน้าเกิดแผลเป็นและยิ่งเครียดเพิ่มขึ้นไปอีก วิธีหลีกเลี่ยงความเครียดมีหลายวิธี เช่น การออกกำลังกาย การปฏิบัติตามคำสอนศาสนา การนั่งวิปัสสนา การเล่นโยคะ การนวด การมีอารมณ์ขัน มองโลกใน แง่ดีและสดใส เหล่านี้ย่อมทำให้จิตใจเบิกบาน และเมื่อมีสุขภาพจิตดีแล้ว สุขภาพผิวก็จะตามไปด้วยอย่างแน่นอน

ขอขอบคุณข้อมูลจากKapook.com ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต 
















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น