Cosmetics

    รวมเคล็ดลับดีๆ คอสเมติกส์!     
เคล็ดลับการเลือกเครื่องสำอางค์ตอนลดราคา

มาพูดถึงการเลือกซื้อเครื่องสำอางค์ตอนลดราคากันคะ มาดูกันว่าจะเลือกซื้ออย่างไรให้ได้ของดี และมีคุณภาพ

เครื่องสำอางค์ลดราคา ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องสำอางค์ที่ใกล้หมดอายุแล้วคะ ซึ่งถ้าเพื่อนๆที่แต่งหน้าบ่อยๆ อาจจะใช้ได้หมดก่อนหมดอ่ยุแหละคะ แต่ถ้าใครไม่ค่อยได้แต่ อย่าซื้อมาเก็บเลยคะ เดียวจะหมดอายุเสียก่อนนะ                                         

   วิธีการเลือกเครื่องสำอางค์ แต่ละชนิดทำได้ดังนี้คะ


เครื่องสำอางค์เนื้อครีม เครื่องสำอางค์ก็พวก ลิปสติก ลิปกลอส รองพื้น ซึ่งสินค้าพวกนี้จะมีอายุประมาณ 1 ปี ก่อนจะซื้อก็ดูวันหมดอายุนะคะ แล้วรองประเมินดูคะ ว่าเราจะทันก่อนหมดอายุรึป่าวคะ                                                     
  • ลิปสติก ถ้าลิปสติกมีเหงื่อ หรือมีหยดน้ำเกาะก็ไม่ควรซื้อมาคะ และเพื่อยืดอายุการใช้งาน ควรใช้พู่กันทาปาก เพราะถ้าลิปสติกสัมผัสโดยตรง จะทำให้ลิปสติกของเราอายุสั้นลงคะ

  • ลิปกอส หากเนื้อลิปกอสเริ่มมีรอยแยกของชั้นสี และน้ำชัดเจน แสดงว่าหมดอายุคะ

  • ครีมรองพื้น ถ้ารองพื้นมีเหงื่อยผุด หรือเริ่มเห็นชั้นไขมันชัดเจน แล้วถ้าเป็นครีมรองพื้นแบบเป็นหลอดต้องลองดมดูก่อนคะ ถ้ามีกลิ่นหืน ก็หลีกเลี่ยงดีกว่าคะ 

  • เนื้อแป้ง เครื่องสำอางค์ที่เป็นเนื้อแป้งจะหมดอายุช้ากว่าเนื้อครีมคะ หากเก็บรักษาดีๆจะอยู่ได้กว่า 2 ปีเลยหละคะ 

การดูวันหมดอายุ อาจจะช่วยได้ส่วนหนึ่งคะ แต่บางทีด้วยสภาพอากาศ บวกกับเก็บการรักษาไม่ถูกอาจจะทำให้หมดอายุเร็วขึ้นคะ ซึ่งเราก็สามารถ ดูได้ว่าหมดอายุหรือไหมจากวิธีต่อไปนี้ค

ดมกลิ่น..... การดมกลิ่นจะทำให้รู้ว่าเครื่องสำอางค์เปลี่ยนไปหรือไหม เพราะฉนั้นตอนซื้อมาก็ให้เพื่อนๆดมกลิ่นก่อนคะ ถ้าเมื่อไหร่กลิ่นเปลี่ยนไปจากเดิมก็อย่าใช้เลยดีกว่าคะ

ดูเนื้อสัมผัส.... เมื่อไหร่ที่เนื้อครีม แยกตัวกับน้ำมัน หรือมีเม็ดเหงื่อย แสดงว่าเริ่มหมดอายุแล้วคะ ทางที่ดีก็ทิ้งเถอะคะ อย่าใช้ต่อเพราะเสียดายนะคะ ถ้าเสียโฉมจะไม่คุ้มเอา

ส่วนอีกวิธีหนึ่งนะคะ ถ้าเพื่อนๆไม่แน่ใจว่าเครื่องสำอางค์หมดอายุรึยัง ให้เพื่อนๆเทสต์กับแขนตัวเองดูคะ ถ้าทิ้งไว้ 30 นาทีเกิดอาการแพ้ก็อย่าไปใช้ต่อเลยคะ ^^วิธีที่บอกมาใช้ได้ทั้งช็อปในไทย แล้วถ้าเพื่อนซื้อตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศก็ใช้ได้เหมือนกันคะ ทั้งเครื่องสำอางค์ลดราคาและราคาปกติคะ


 ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจากอินเตอร์เน็ต



เครื่องสำอางแตก ซ่อมได้... 











เคยมีปัญหากัยบ้างไหมค่ะ เวลาซื้อเครื่องสำอางมาพวก ตลับแป้ง หรือ บลัชออน มาแล้วดันทำตก ทำให้เนื้อแป้งแตกหมดเลย ป่นปี้หมด จนต้องทิ้งบ้างหรือไม่ก็ไม่สามารถพกพาไปไหนได้ วันนี้เรามีวิธีมาซ่อมเครื่องสำอางเหล่านี้กันค่ะ แบบสวยซ่อมได้..เครื่องสำอางที่เพิ่งซื้อมา ก็มีเหตุต้องตกแตกแป้งกระจาย ทำให้หกเสียหายหมดเลยค่ะ เสียดายเงิน น้ำตาแทบร่วง หรือซื้อเครื่องสำอางมาก็ไม่ถูกใจ พอทาเข้าจริงๆ ไม่ได้เรื่องเลย แล้วที่นี่จะทำยังไงกันดีล่ะ วันนี้ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ เรามีวิธีให้สาวๆ ทั้งหลายจัดการกับเครื่องสำอางเจ้าปัญหาที่ซื้อมา แล้วตกแตกเสียหายหรือไม่โดนใจอย่าแค่ตั้งทิ้งไว้เฉยๆ รอวันหมดอายุนะ เพราะวิธีนี้ไร้ประโยชน์มากค่ะ เสียดายเงินมากๆ ช่วงนี้ยุคข้าวยากหมากแพง ถึงความสวยจะประหยัดไม่ได้ เราก็ต้องรู้จักวิธีที่ใช้มันให้คุ้มค่านะคะ สาวๆ อย่างเราต้องสวยอย่างมีสติ ว่าแล้วก็มาหาหนทางซ่อมเจ้าเครื่องสำอางเหล่านี้กันเถอะจ๊ะ 

ตลับแป้งตกแตก…ซ่อมได้
เรียกว่าเป็นปัญหาโลกแตกเลยก็ได้กับสาวจอมซุ่มซ่ามที่ชอบทำโน่นตก นี่แตก ยิ่งแป้งอัดแข็งที่อยู่ในตลับด้วยแล้ว แย่เลยเพราะต้องหยิบ ต้องจับ ต้องเติมหน้ากันบ่อยๆ โอกาสที่จะร่วงหล่นก็เลยมีมากไปด้วย เมื่อเจ้าตลับแป้งเหล่านั้นตก รู้ไหมคะว่า แป้งที่แตกละเอียดนั้นเราสามารถทำให้มันกลับมาอยู่ในตลับได้ง่ายๆ ด้วย ตามขั้นตอนนี้เลย 

ถ้าแตกไม่มาก ให้ลองเอาน้ำเปล่าหยด แล้วค่อยๆ บีบอัดด้วยมือของเรา แป้งจะประสานกันเอง

ถ้าแตกมากให้ตักแป้งที่แตกใส่ถุงพลาสติกติกแล้วบดให้ละเอียดเป็นแป้งฝุ่น แล้วใช้ช้อนกาแฟตักแป้งที่เราบดไว้ที่ละนิด ใส่ที่ตลับเดิมหรือหาตลับใหม่ ใส่ไปแล้วกด ตักใส่แล้วกด เกลี่ย กด เกลี่ย ไปเรื่อยๆ (ต้องกดให้แน่นๆ ด้วย) เหมือนกำลังฉาบปูน แล้วกดไปเรื่อย ๆ ถ้าจะให้ดี สุดท้ายใช้พัฟฟองน้ำเรา กดย้ำๆ ที่หน้าแป้งเพื่อความเนียน เพียงเท่านี้แป้งเราก็กลับมาใช้ได้ดังเดิม หรือถ้าไม่อยากยุ่งยาก ก็หาตลับน่ารักๆ และใช้เป็นแป้งฝุ่นไปซะเลยก็ได้

ถ้าเป็นบลัชออนหรืออายแชโดว์ให้ผสมเข้ากับครีมที่ข้นหน่อย ในปริมาณไม่มากนัก ใส่ตลับหรือกระปุกไว้ เท่านี้เราก็จะได้อายแชโดว์และบลัชในรูปแบบครีมไว้ใช้ได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่ดีกว่าการแก้ไขก็คือการป้องกันการตกแตกของเครื่องสำอางค์เหล่านี้มักเกิดขึ้นในยามเวลาเดินทางวางสำลีแผ่นลงบนอายแชโดว์ บลัช หรือแป้ง ก่อนจะปิดฝา มันจะช่วยดูดซับแรงกระแทกที่เกิดขึ้นได้ และพยายามเก็บของเหล่านี้ไว้ในที่แห้งและเย็นเสมอจะช่วยรักษาอายุของเครื่องสำอางให้ยาวนานขึ้นได้ ไม่เสื่อมก่อนเวลาอันควรค่ะ

อายแชโดว์วิ้ง เวอร์เกินงาม…ก็แก้ได้
เทรนด์กลิตเทอร์ ชิมเมอร์บางครั้งก็มาแรง แต่บางทีทาแรงเกินไปก็อาจจะเกินงามได้ บางคนวิ้งกระจายซะคิดว่าไปปิดทองพระมาหมาดๆ บางคนทาแล้วก็หน้าแวววาวกันสุดๆ วิธีแก้ง่ายคือผสมเจ้าอายชาโดว์วิ้งละเอียดนี้รวมกับแป้งฝุ่นแล้วใช้เป็นแป้งชิมเมอร์ทาตัวตอนออกงานกลางคืนก็เก๋ไปอีกแบบ หรือถ้าใครอยากให้ติดทนนานก็ผสมกับโลชั่นทาตัวก็ได้ จะทำให้ผิวดูผ่องมีออร่า น่าดูกันเห็นๆ แต่วิธีนี้ใช้ได้กับเฉดสีสว่างเท่านั้นนะคะ

ลิปสติกหัก ลิปกลอสรั่ว…ก็ซ่อมได้

ลิปสติกหักก็เป็นอีกปัญหาโลกแตกที่เกิดได้บ่อยมาก ยิ่งกับสาวๆ ที่เพิ่งหัดแต่งหน้า เวลาจะทาลิปต้องจัดเต็ม เปิดจนสุด หมุนจนหมดแท่ง แล้วแรงเหวี่ยงระหว่างปาดไปมาก็ทำให้งานเข้าจนได้ แต่เรื่องนี้แก้ง่ายนิดเดียวด้วยการหาตลับเล็กๆ มาใส่ แล้วใช้พู่กันแต้มทาปากแทนจริงๆ แล้วสามารถวิธีนี้ในการแบ่งพกลิปสติกหลายเฉดสีได้เหมือนกันนะคะ เวลาที่ต้องเดินทางแต่ขาดสีสีนไม่ได้ การใช้ลิปแบบตลับนั้น พกง่ายกว่า แถมเวลาไปไหนก็มีสีให้เลือกเยอะกว่าอีกด้วย
ลิปกลอสรั่ว เพราะหลอดแตก หรือฝาปิดแตก / หาย อย่าเพิ่งตกใจ ให้หาตลับเปล่ามาใส่ พกคู่กับพู่กันคู่ใจก็ใช้ได้แล้วล่ะค่ะ

นี่ล่ะค่ะวิธีการง่ายๆ ที่ช่วยให้สาวๆ ได้สวยอย่างมีสติ ส่วยอย่างไม่สิ้นเปลืองในบางเรื่อง ถึงแม้ว่าเราจะห้ามความซุ่มซ่ามและอุบัติเหตุไม่ได้ แต่เราก็สามสารถซ่อมได้ อะไรที่ยังไม่สายเกินแก้ก็ไม่ควรทิ้งขว้าง จริงไหมคะ?

ขอขอบคุณข้อมูลจากchicministry  ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต



เคล็ดลับหน้าใสๆ ด้วย Makeup Base ปรับผิวสว่าง ใส  

เทคนิคการแต่งตัวให้มีใบหน้า สว่าง ใส ดูเป็นผิวสุขภาพดี ดูธรรมชาติ ไม่หนา วอก ใช้ต้องเมคอัพเบสค่ะ วันนี้เราเอาบทความ ประโยชน์ของเบสมาให้เพื่อนลองใช้ให้เหมาะกับสภาพผิวค่ะ

เคล็ดลับหน้าใสๆ เพราะใช้ Makeup Base
เมคอัพเบส หรือ อีกชื่อว่า color base primer หรือ corrective base ก็คือครีมปรับสภาพผิวที่มีเม็ดสีช่วยในเรื่องการหักเหของแสง เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอ รอยแดงจากเส้นเลือด หรือช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสแลดูมีสุขภาพดีขึ้นสำหรับสาวที่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องริ้วรอยหรือสีผิวบนใบหน้า หรืออย่างบางทีเวลาตัวเองกลับจากเที่ยวทะเล หรือเวลาเครียดจนหน้าตาหมองคล้ำเหมือนโดนของเนี่ย เมคอัพเบสจะช่วยทำให้หน้าดูสว่างขึ้นได้ค่ะ ใช้ทาก่อนแต่งหน้า หรือทาก่อนรองพื้นก็ได้ค่ะ เอ…สาวๆบางคนคงสงสัยว่า เมคอัพเบส (makeup base) ต่างกับรองพื้นยังไง? สำหรับเมคอัพเบส (makeup base) เนี่ยส่วนใหญ่จะมาในรูปของครีมที่มีสีต่างๆ เพื่อปรับสภาพสีผิวที่เป็นปัญหาบนใบหน้าเหมือนที่บอกไปนะคะ makeup base จะมีหลายสี แล้วแต่ละสีก็ใช้แก้ไขต่างกัน เช่น 


สีเขียว : เพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องรอยแดงจากเส้นเลือดฝอยบนใบหน้า รอยจ้ำแดง หรือรอยแดงจากสิว
สีชมพู ช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอของส่วนที่หมองคล้ำบนใบหน้า ช่วยทำให้หน้าดูสว่างขึ้น เหมาะกับสาวผิวขาว ถึงผิวสองสี 
สีม่วง : ช่วยเพิ่มความสว่าง และทำให้ที่หน้าขาวลดความกระด้างลง หากใช้ใต้ตาช่วยลดความคล้ำที่ตาได้ด้วย
สีเหลือง : ปรับให้กลืนกับสีผิวดูไม่กระโดดอันเนื่องจากสภาพหน้าไม่เป็นธรรมชาติ
สีส้ม : ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความหมองคล้ำ ทำให้หน้าสว่างขึ้น และสีผิวดูมีน้ำมีนวล ให้แลดูเป็นโทนร้อนธรรมชาติเหมาะกับสาวผิวคล้ำหน่อย
สีขาวนวล : ทำให้หน้าผ่อง ดึงหน้าให้โดดเด่น สร้างความเปล่งปลั่ง และเสมือนเหมือนเป็นการไฮไลท์อย่างหนึ่ง มีทั้งแบบสะท้อนแสง และกระจายแสง
สีขาว : ช่วยในการปกปิดริ้วรอย หลุม หรือ ร่องได้ดีกว่าสำหรับสาวที่มีปัญหาเรื่องผิวเป็นริ้วรอยไม่ว่าจากสิวหรือจากวัย ทำให้หน้าสว่าง สดใส ลดความหมองคล้ำ เหมาะกับคนผิวขาว ๆ

เบสจำเป็นเมื่อใด 
เมื่อรู้สึกว่าหน้าหมองกว่าปกติ เช่น นอนน้อยตื่นมาหน้าดูไม่สดชื่นเลย
จะใช้พวกเบสโทนเหลือง, ขาวมุก, ม่วงโอปอ ใช้นิดเดียวมาก ๆ ทาบริเวณสันจมูก ใต้ตา หน้าผาก โหนกแก้ม รอให้เซทตัว แล้วจึงลงรองพื้นแบบน้ำ และแต่งหน้าตามขั้นตอนปกติ
(รองพื้นที่ผสมเบสอย่าง ipsa นี่ไม่ต้องใช้เบสช่วยเลยค่ะ เนียนเหมือน ๆ กัน หน้าใสกำลังดี)

วันธรรมดา ที่อยากได้ลุคซ์ใส ๆ ดูเป็นธรรมชาติ
ใช้เบสสำหรับเตรียมผิวที่ไม่มีสี หรือเบสที่ช่วยกระจายแสง ทาทั่วหน้า แล้วก็ลงแป้งฝุ่นทับเลย ไม่ลงรองพื้น จะได้หน้าใส ๆ ธรรมชาติ สบายหน้าดีค่ะ
(ลองพวก M.A.C Prep + Prime, เบสของป้าลอร่า ดูนะคะ)

เบสแต่ละสีควรใช้เมื่อไหร่ 
• เบสมีสี
ควรทาเฉพาะบริเวณ อย่าทาทั้งหน้าค่ะ ไม่งั้นผิวหน้าเราจะดูเพี้ยนไปทันที สมมติปีกจมูกแดงเพราะสิว เราก็ไม่ควรทาเบสสีเขียวกลบไปถึงแก้ม เพราะเบสเขียวจะทำให้เลือดฝาดที่แก้มเราหายไป กลายเป็นสาวหน้าแบน หรือเบสม่วง ก็ไม่ควรทาทั้งหน้า ลองลงเฉพาะกลางหน้าผาก สันจมูก แก้มที่อยู่ถัดจากปีกจมูก ลงเพียงบาง ๆ แล้วลงรองพื้น จะทำให้หน้าดูสวยมีมิติตามธรรมชาติ บางคนใช้เทคนนิคนี้สร้างรูปหน้าแทนการไฮไลท์
(เบสสี ๆ อย่าง Laneige, Missha, Shu Uemura, Make Up For Ever)

• เบสสีเนื้อ
ทาได้ทั้งหน้า เช่น เบสที่มีสีในโทนกลางอย่าง RMK นั้น สามารถทาได้ทั่วหน้าค่ะ จะทำให้หน้าดูผ่องขึ้น แต่จะให้ดี เราควรเลือกซื้อรองพื้น และทดลองเบสไปพร้อม ๆ กัน เพราะหน้าเราหลังลงเบสแล้ว สีผิวคงไม่เหมือนเดิม ว่าง่าย ๆ ว่าสว่างขึ้น รองพื้นที่เลือก ก็ควรจะต้องช่วยให้ผิวเราดูสวยสมดุลย์ตามหลักความเป็นจริง เราอาจเลือกรองพื้นสีเดียวกับผิวหลังจากที่ลงเบสแล้ว หรือเลือกใช้รองพื้นในสีที่เข้มขึ้นอีดนิดนึง เพื่อผลในการสร้างรูปหน้าที่สวยกว่า

สรุปว่า สำหรับสาวๆที่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผิวไม่เรียบเนียบเป็นรอยแผลเป็นจากสิวเนี่ย ใช้ makeup base อย่างเดียวก็จะให้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ (natural look) เหมือนไม่ค่อยแต่งหน้า ส่วนสาวไหนที่ต้องการการปกปิดมากหน่อยก็ใช้เมคอัพเบสก่อนลงรองพื้น ก็จะช่วยเรื่องสีผิว และริ้วรอยได้พร้อมๆกันค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก vinegargirl และข้อมูลจาก jannaj.exteen.com ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต 


เคล็ดลับวิธีการเลือกอายไลเนอร์
ช่วงนี้้แฟชั่นกรีดอายไลน์เนอร์หนาๆกำลังมาแรงมาเลยนะคะ ไปไหนมาไหนก็เห็นสาวๆกรีดกันสวย เฉียวเลยทีเดียว แต่ก็ยังมีสาวๆบางคนยังไม่ค่อยมั่นใจตัวเอง ทั้งยังกรีดอายไลน์เนอร์ไม่เป็น แต่อยากสวยบาง วันนี้มีเคล็ดลับการเลือกอายไลน์เนอร์มาฝากกันคะ
  • อายไลเนอร์ แบบพู่กันคะ อายไลเนอร์แบบนี้จะเหมือนปากกาเมจิกคะ ใช้ง่าย แห้งเร็ว ไม่เลอะง่าย แต่ขอเสียคือ จะไม่ค่อยเข้มเท่าไหร่คะ อาจจะต้องเขียนซ้ำหลายๆครั้ง มือใหม่ควรลองใช้แบบนี้ก่อนนะคะ
  • อายไลเนอร์ แบบกลิตเตอร์คะ อายไลเนอร์แบบนี้จะเหมาะกับงานกลางคืนคะ เพราะกลิตเตอร์จะช่วยให้ดวงตาเป็นประกาย และโดดเด่นขึ้นด้วยคะ
  • อายไลเนอร์ แบบลิควิค อายไลเนอร์ชนิดนี้ เป็นแบบน้ำคะ จะตอบโจทย์เรื่องความคมเฉี่ยว เพราะปลายจะแหลมและเล็กคะ เส้นจะออกแบบคนชัด แต่สำหรับมือใหม่จะใช้ต่อนข้างยากคะ ข้อดีคือ ไม่ต้องกลัวเลอะใต้ดวงตาคะ ล้างออกง่าย
  • อายไลน์เนอร์แบบเจล อายไลเนอร์ชนิดนี้จะมาพร้อม พูกันคะ จะช่วยให้ดวงตากลมโตคะ สวยคม และดูโดดเด่น ข้อดีคือ ติดทน ไม่ไหลย้อย แต่ข้อเสียคือ แห้งแยก แล้วต้องเก็บรักษาให้ดี เพื่อยืดอายุการใช้งานคะ 
นี้ก็คือวิธีการเลือกอายไลเนอร์ให้เหมาะกับตัวเองนะคะ บางคนอาจจะซื้อตามท้องตลาด ที่บอกว่าซื้อตั๋วเครื่องบินไปเอาจากนู้น จากนี้มา ก็อย่าลืมตรวจสอบนะคะ ว่าของจริงรึป่าว ถ้าเกิดพลาดมาหน้าเยิ่นจะไม่มีใครรับผิดชอบเอานะ ^^

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจากอินเตอร์เน็ต


รู้จริงเรื่อง! การใช้คอนซีลเลอร์

หลากหลายเคล็ดลับและเคล็ดไม่ลับทั้งในการใช้คอนซีลเลอร์ ที่ถูกบอกต่อกันปากต่อไปและในรูปแบบอื่นอีกมาย และเพื่อให้คุณผู้หญิงทั้งหลายได้สวยสมใจนึกด้วย การใช้คอนซีลเลอร์ เราจึงได้ไปถามเพื่อให้คุณได้ใช้คอนซีลเลอร์อย่างถูกวิธีและถูกต้องมากที่สุด จะถูกหรือผิดมาดูกัน


การใช้คอนซีลเลอร์

1. เพื่อปกปิดรอยคล้ำใต้ตาและรอยด่างดำบนใบหน้าคุณควรเลือกใช้คอนซีลเลอร์เฉดที่อ่อนและสว่าง



ผิด เพราะเฉดสีที่อ่อนกว่าสีผิวของคุณจะทำให้สีคล้ำ ๆ กลายเป็นสีเทาเหมือนซอมบี้ แทนที่จะทำให้ผิวคุณดูเนียนเกลี้ยงดั่งใจหวังแถมยังทำให้ดวงตาของคุณดูชราภาพมากขึ้นอีกด้วย ทางที่ดีคุณควรทดลองโทนสีคอนซีลเลอร์กับรอยเส้นเลือดบริเวณข้อมือด้านในก่อนดีกว่า หรือวิธีที่ง่ายและปลอดภัยที่สุดก็ คือ เลือกสีคอนซีลเลอร์ให้เข้ากับสีรองพื้นของคุณ



2. คอนซีลเลอร์ที่มีสีเขียว ม่วง และชมพู เป็นคอนซีลเลอร์ที่สามารถปกปิดร่องรอยช้ำ ๆ ได้ดีกว่าคอนซีลเลอร์สีเนื้อ



ผิด เพราะจากการลงคะแนนเสียงของช่างแต่งหน้ามือฉมังแล้วมีความเห็นแนวเดียวกัน คือ คอนซีลเลอร์ทั้ง 3 สีนั้นไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น มีแต่คอนซีลเลอร์โทนเหลืองเท่านั้นที่ทำให้ผิวหน้าดูเป็นธรรมชาติมากกว่าและดูสุขภาพดีกว่า



3. คุณควรใช้กระจกขยายเพื่อเกลี่ยคอนซีลเลอร์ให้เนียนเรียบ



ผิด เพราะยิ่งคุณมองเห็นทุกรูขุมขนและรายละเอียดที่ต้องการจะปกปิดมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งลงคอนซีลเลอร์หนักมือมากขึ้นเท่านั้น เพราะเห็นความช้ำดำหมองชัดเกินไปทางที่ดีควรเลือกใช้กระจกจากตลับแป้งจะเหมาะกว่า อีกเหตุผลสำคัญก็ คือ คงไม่มีมนุษย์ในโลกหล้านี้คนใดที่จ้องแต่เพ่งพินิจผิวคุณในระยะห่างเพียงครึ่งนิ้ว


4. สำหรับบริเวณผิวที่มีรอยยับหรือริ้วรอยคุณควรใช้คอนซีลเลอร์ชนิดเหลวหรือรองพื้นแทนคอนซีลเลอร์แบบครีม

ถูก เพราะคอนซีลเลอร์แบบครีมมีเนื้อที่เหนียวหนากว่าชนิดเหลวและรองพื้นทำให้เกลี่ยลำบากและมักจะไปติดค้างตามรองในรอยยับนั้น พอเนื้อครีมแห้งก็จะกลายเป็นขุยไม่เนียนเรียบดั่งหวัง

5. ถ้าต้องการปกปิดรอยคล้ำใต้ตาให้ดูเนียนเด้งมากขึ้นคุณควรทามอยส์เจอไรเซอร์สำหรับดวงตาก่อนลงคอนซีลเลอร์


ถูก เพราะการที่ผิวรอบดวงตามีความชุ่มชื่นจะทำให้เกลี่ยคอนซีลเลอร์ง่ายและเนียนมากกว่าผิวที่ไม่ได้ลงครีมบำรุงไว้

6. คุณควรแต่งตาหลังจากเกลี่ยคอนซีลเลอร์แล้ว

ผิด เพราะผงจากอายแชโดว์และคราบขึ้น ๆ ของมาสคาร่ามักจะตกเรี่ยราดกระจายอยู่ใต้ตาเสมอ ดังนั้น เมื่อเราทาคอนซีลเลอร์แล้วยังไม่ปล่อยให้แห้งสนิทเศษผงและรอยขีดข่วนจากมาสคาร่าที่ยังไม่แห้งก็มักจะติดอยู่บนคอนซีลเลอร์ได้ง่ายทำให้ได้ตาของคุณมีรอยดำเหมือนตอนยังไม่ได้ปกปิดด้วยคอนซีลเลอร์

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Lisa ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต


แปลงลิปสติกแท่งเก่า เปลี่ยนเป็นของใหม่ได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง


คาดว่าสาว ๆ ที่รักการแต่งหน้าจำนวนไม่น้อย ไม่เคยใช้ลิปสติกจนหมดเกลี้ยงทั้งแท่ง ส่วนใหญ่มักจะเหลือลิปสติกก้อนหนึ่งที่โคนแท่งเอาไว้ ที่จะใช้ก็ไม่ค่อยสะดวกเสียแล้ว แต่จะทิ้งไปเลยก็เสียดาย เลยยังคงเก็บเอาไว้อย่างนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีลิปสติกพวกนี้เก็บไว้และยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับพวกมันดี เคล็ดลับการปรุงชีวิตใหม่ให้กับลิปสติกแท่งเก่าที่นำมาฝากกันในวันนี้ จะต้องถูกใจคุณแน่นอนเลยค่ะ 



นำลิปสติกแท่งเก่าที่ใช้จนกุดแต่ยังไม่หมดออกมา คุณสามารถจับมันมาผสมเข้าด้วยกันเป็นลิปสติกสีใหม่ที่คุณครีเอทขึ้นเองได้ โดยมีหลักการง่าย ๆ ดังนี้


          ลิปสติกแนวเมทัลลิกจะช่วยเพิ่มความแวววาวให้กับลิปสติกเนื้อแมท

          ลิปสติกสีนู้ดจะเพิ่มความสว่างให้ลิปสติกสีเข้ม ๆ ดูอ่อนลง 

          หลักการผสมสีก็เพียงง่าย ๆ เท่านี้เองค่ะ ส่วนอุปกรณ์ที่คุณจำเป็นต้องใช้ก็ไม่มีอะไรยุ่งยากไปกว่า มีด, ช้อน, ผ้า, และตลับเปล่าสำหรับใส่ลิปสติกสีใหม่ฝีมือคุณ 


วิธีทำ
          1. ใช้มีดหั่นลิปสติกก้อนที่เหลือใช้สีต่าง ๆ ออกเป็นชิ้น (ยิ่งเล็กก็จะยิ่งละลายได้ดี)



          2. วางก้อนลิปสติกสีที่ต้องการผสมกันลงบนช้อน 


          3. เปิดเตาแก๊ซ ใช้ผ้าหุ้มปลายช้อนจ่อเหนือเปลวไฟ 4 นิ้ว ก้อนลิปสติกที่อยู่ในช้อนจะค่อย ๆ ละลายเข้าด้วยกัน สามารถใช้ปลายช้อนอีกคันคนเพื่อผสมให้สีลิปสติกเข้ากันดี


          4. เมื่อละลายเข้ากันดีแล้ว เทใส่ตลับ ทิ้งไว้ให้เย็น 

          เมื่อลิปสติกที่เทลงตลับเย็นและจับตัวกันเรียบร้อนแล้ว คราวนี้ก็ปิดฝา ได้เป็นลิปสติกสีสวย ๆ ที่คุณปรุงขึ้นมาเองในรูปแบบตลับฉบับ DIY พกไปใช้ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้แล้วล่ะค่ะ 

ขอขอบคุณข้อมูลจากKapook และขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต



โทนเนอร์คืออะไร? จำเป็นไหม? มีคำตอบ!

หลากหลายคำถามของคุณผู้หญิงว่า โทนเนอร์คืออะไร? มีความจำเป็นขนาดไหน? วันนี้เรามีคำตอบให้คุณผู้หญิงแล้วค่ะ โทนเนอร์คือ หนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้เช็ดหน้าของคุณให้สะอาดและสดใสชึ้นค่ะและโทนเนอร์ยังสามารถขจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนใบหน้าของคุณได้ดีทีเดียวค่ะ ยิ่งเป็นเครื่องสำอางค์ด้วยแล้วโทรนเนอร์จัดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ขจัดเครื่องสำอางค์ไม่ให้ตกค้างดีนักแล แล้วทีนี้รู้รึยังค่ะว่า โทนเนอร์คืออะไร แล้วคุณผู้หญิงว่า จำเป็นต่อผิวหน้าของคุณรึไม่ค่ะ ที่สำคัญ วิธีใช้โทนเนอร์ ก็สุดแสนจะง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากเลยสักนิดเดียว และช่วยให้ผิวของคุณดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ 


สมัยก่อนโทนเนอร์มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์สูงมากเป็นสาเหตุให้ผิวแห้งตึง ผู้หญิงหลายคนจึงไม่ค่อยชอบโทนเนอร์ แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาโทนเนอร์ที่มีประสิทธิภาพการบำรุงมากขึ้น ดังนั้น ควรรู้จักเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิว


เลือกโทนเนอร์อย่างไรดี


1. วิธีเลือกโทนเนอร์



โดยทั่วไปโทนเนอร์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ โทนเนอร์ขจัดสิ่งสกปรก เช่น น้ำมันส่วนเกิน ฝุ่นละออง หรือเมคอัพตกค้างที่คลีนเซอร์ล้างออกไม่หมด กับโทนเนอร์บำรุงผิวซึ่งมีวิตามิน เกลือแร่ และสารบำรุงความชุ่มชื้นผิว




- ผิวธรรมดา - ผิวผสม - ผิวมัน เลือกโทนเนอร์ที่ช่วยขจัดความมันและสิ่งสกปรก ต้นเหตุของสิว



- ผิวธรรมดา - ผิวแห้ง เลือกโทนเนอร์ที่มีคุณสมบัติมอบความชุ่มชื้นปราศจากแอลกอฮอล์ คนผิวธรรมดาอาจใช้โทนเนอร์ เฉพาะตอนเย็น



- ผิวที่มีปัญหาริ้วรอย เลือกโทนเนอร์ที่ทั้งปกป้องมอบความชุ่มชื้นและผลัดเซลล์ผิวในขวดเดียวกัน (สารสกัดจากชาขาวจะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและปกป้องผิวจากมลภาวะสาเหตุหนึ่งของริ้วรอยก่อนวัย)



2. วิธีใช้โทนเนอร์



สามารถใช้กระดาษทิชชู่ชุบโทนเนอร์เช็ดผิวได้ แต่สำลีจะอ่อนโยนต่อผิวหน้ามากกว่า โดยเฉพาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่ายและควรเช็ดโทนเนอร์หลังล้างหน้าใหม่ ๆ วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น



ขอขอบคุณข้อมูลจาก อสมท. ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต



เคล็ดลับ วิธีการเลือกมาสคาร่า

ชนิดของมาสคาร่า...เลือกให้ถูก
มาสคาร่าที่ดีต้องเริ่มจากที่คุณสมบัติของขนแปรง รูปแปรงปัดขนตาก็มีหลากหลายแบบ แต่ละทรงก็ให้คุณประโยชน์กับความงามของขนตาต่างกันออกไป พอจะแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ดังนี้


แบบขนตายาว
แบบนี้ปัดแล้ว ขนตาจะยาวหนาสุดๆ ขนแปรงจะต้องอ่อนนุ่ม เพื่อใช้ในการทาทับขนตาของคุณจากโคนถึงปลายขนตา สามารถแบ่งเป็นประเภทย่อยๆ ได้


- ขนแปรงทำด้วยไฟเบอร์ตั้งชัน ด้านปลายแปรงเป็นขนแปรงแบบโปร่งใส ซึ่งจะช่วยกำหนดปริมาณเนื้อมาสคาร่าในการต่อขนตาให้ยาว เป็นไฟเบอร์เช่นกัน รับรองว่าปัดได้แม่นอย่างกับจับวาง
- ขนาดแปรงเล็ก จะได้ปัดขนตาง่ายๆ ขนแปรงจะซ้อนกัน เป็นส่วนที่ช่วยเคลียร์เนื้อมาสคาร่าไม่ให้กอดกันเป็นก้อน เวลาคุณปัด ขนตาซ้ำกันหลายครั้ง
- เป็นทรงกลม ส่วนตรงกลางขนแปรงจะอ่อนนุ่ม ลักษณะทรงแปรง คล้ายตีนตะขาบตรงส่วนโคน ส่วนปลายที่เรียวลงนั้นจะทำด้วยขนสัตว์ จึงทำให้ริมของโคนแปรงคม เหมาะกับการปัดขนตาอย่างหนา

 แบบขนตาหนา
จุดประสงค์เพื่อต้องการสวยอย่างหน้าคมๆ แก้ปัญหาตาตี่ หน้าหมวยจัด เนื้อมาสคาร่าจะต้องเข้มข้น ลักษณะแปรงจึงต้องออกแบบมาให้เกลี่ยเนื้อมาสคาร่าไม่ให้ติดกันเป็นก้อน สามารถแบ่งเป็นประเภทย่อยๆ

- ขนแปรงยาวแค่ปัดทีเดียวก็เด้งได้ในพริบตา ขนแปรงแบบนี้จะช่วยทำให้เนื้อมาสคาร่าติดบนขนตาของคุณอย่างง่ายดาย
- รูปร่างคล้ายดินสอ ลักษณะของความยาวแตกต่างกันไป เพื่อช่วยให้ขนตาหนาขึ้น เวลาปัดเส้นขนแปรงเป็นไฟเบอร์ วางเรียกันอย่างถี่ยิบ เพื่อเนื้อของมาสคาร่าจะได้เกาะติดกันได้มากบนขนแปรง ปัดแล้วเริด..


แบบขนตาธรรมชาติ
เน้นปัดให้ขนตาดูเด้งอย่างเป็นธรรมชาติ ไร้ความหนา สามารถแบ่งเป็นประเภทย่อยๆ

- แบบสั้น ก้านใหญ่ ขนแปรงแข็งขดกันเป็นวง แปรงลักษณะนี้จะทำให้ขนตาของคุณดูหนาขึ้นได้ และใช้ง่ายเพราะช่องแคบๆ ระหว่างขนแปรงจะซอกซอนไปในส่วนแคบๆ ของขนตาคุณได้ทั่ว
- ลักษณะขอบนอกโค้งเข้าข้างใน เพื่อให้เข้ากับลักษณะของขนตา เวิร์คมากสำหรับสาวมือสมัครเล่นที่ปัดขนตาไม่ค่อยเก่ง โดยส่วนที่เว้าเข้ามานั้นจะลงตัวกับขนตาของคุณพอดิบพอดี จึงปัดง่าย
- ขนแปรงที่ตั้งชันเหมือนขนสัตว์นี้จะอ่อนนุ่ม ลักษณะเป็นทรงไข่ เหมาะสำหรับดวงตาที่ค่อนข้างไวต่อความรู้สึก หรือพวกะพริบตาถี่ๆ ขนแปรงจะไม่ไปกระทบลูกนัยน์ตาตอนปัดไงคะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก spicy ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต


ขอแนะนำ BSC SUPER MASCARA ใหม่ล่าสุด!!!
เครื่องสำอาง BSC Cosmetology ขอแนะนำ  BSC SUPER MASCARA นวัตกรรมใหม่ล่าสุด กับมาสคาร่า 5 หัวแปลงที่เหมาะกับขนตาคุณ 

(ราคา 350.-)

BSC VOLUME & CURL MASCARA (สีม่วง) บีเอสซี  วอลลุ่ม แอนด์ เคิล มาสคาร่า สูตรสำหรับสาวขนตาสั้นและขนตาตก เพิ่มความหนาขนตา 10 เท่า เพิ่มความยาว 130 % และช่วยให้ขนตาโค้งงอนขึ้น 85 องศา  พร้อมกันน้ำ
BSC NATURAL LASH  MASCARA (สีฟ้า) บีเอสซี เนเชอรัล ลาช มาสคาร่า สูตรสำหรับสาวขนตายาวและหนา ช่วยสร้างสรรค์ขนตาให้แลดูหนาและยาวอย่างเป็นธรรมชาติท้าทายสะกดทุกสายตา และช่วยยกขนตาให้งอนงามเนื้อมาสคาร่าไม่จับตัวเป็นก้อน
พร้อมทั้งกันน้ำ


BSC FULL LENGTH  MASCARA (สีเหลือง)  บีเอสซี  ฟู เลช  มาสคาร่า สูตรสำหรับสาวขนตาสั้นและขนตาหนา เพิ่มความยาว 140 % ดูโดดเด่นสะดุดตาพร้อมทั้งกันน้ำ
BSC LONG & VOLUME MASCARA (สีชมพู)  บีเอสซี ลอง แอนด์ วอลลุ่ม มาสคาร่า สูตรสำหรับสาวขนตาบางและขนตาน้อย  เพิ่มความหนาขนตา 10 เท่าด้วย สูตรช่วยเพิ่มความหนาของขนตาโดยไม่จับตัวเป็นก้อน เพิ่มความยาว 130 % ทำให้ขนตาแผ่กระจายเรียงเส้นต่อเส้นอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งกันน้ำ
BSC VOLUME PUMP MASCARA (สีส้ม) บีเอสซี วอลลุ่ม พัม มาสคาร่า สูตรสำหรับสาวขนตายาวและขนตาบาง เพิ่มความหนาขนตา 12 เท่า และช่วยให้ขนตาโค้งงอนขึ้น ดูโดดเด่นอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งกันน้ำ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก PR News

"มาสคาร่า" ที่เหมาะกับคุณ
คุณผู้หญิงทั้งหลายแน่ใจแล้วหรือยังว่า มาสคาร่าที่คุณใช้อยู่นั้นเหมาะกับ คุณแล้ว แต่หากไม่มั่นใจหละก็ฟังทางนี้ซักนิด เพราะว่าต่อไปนี้ืเป็นเคล็ดลับและวิธีเลือก มาสคาร่า ให้เหมาะกับดวงตาคู่สวยของคุณมากที่สุด พร้อมกับ วิธีปัดมาสคาร่า จากมืออาชีพมาฝากค่ะ 

วิธีเลือก มาสคาร่า
สีน้ำตาลเหมาะสำหรับตอนกลางวันส่วนสีดำเหมาะสำหรับยามค่ำคืน ส่วนสีที่ค่อนข้างแปลกหน่อยอย่างเช่น สีชมพู ม่วง เขียว หรือฟ้า เหมาะกับเด็กสาวรุ่น ๆ สำหรับยามไปเที่ยวมากกว่า สำหรับสาวที่ค่อนข้างมีอายุสีสดใสพวกนี้จะยิ่งเน้นให้ดวงตาดูอ่อนโรยมากขึ้นไปอีก

ถ้าคุณขนตาบาง ใช้มาสคาร่าแบบเพิ่มความยาวแต่ควรจำไว้ว่ายิ่งขนตาคุณยาวเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งดูบางเท่านั้น ฉะนั้นควรปัดทับด้วยมาสคาร่าแบบที่เพิ่มความหนาด้วยเช่นกัน

ถ้าคุณขนตาสั้น เลือกแบบที่เพิ่มความหนาแต่ยิ่งหนาขึ้นก็จะยิ่งดูสั้นขึ้น ฉะนั้นควรปัดด้วยมาสคาร่าแบบเพิ่มความยาวที่ช่วยแยกเส้นขนตาของคุณด้วย

ถ้าคุณเหงื่อออกทั้งวันหรือคาดว่าอาจมีซีนน้ำตาเล็กน้อย มาสคาร่าแบบกันน้ำจะไม่เลอะเทอะแน่นอน แต่อย่าใช้มาสคาร่าแบบกันน้ำตลอดเวลา มันก็เหมือนกับยาย้อมผมมันอาจทำให้ขนตาเปราะและขาดได้ง่าย

วิธีปัดมาสคาร่า จากมืออาชีพ

- ทาจากโคนขนตาขึ้นไป เพื่อให้ส่วนโคนหนากว่าส่วนอื่นซึ่งจะทำให้ตาดูคมเข้มขึ้น และอย่าทาส่วนปลายมากเกินไปถ้าไม่อยากให้ขนตาดูเหมือนขาแมงมุม

- เวลาปัดขนตาบน 
ให้เงยหน้าไปข้างหลังและเหลือบตามองลง ส่วนเวลาปัดขนตาล่างให้ก้มหน้ามาข้างหน้าแล้วเหลือบตามองขึ้น ทาขนตาล่างน้อย ๆ หน่อย เพื่อที่มันจะได้ไม่ทำให้ตาดูหนัก

ช่างแต่งหน้าบางคนบอกว่า หากขนตาล่างเป็นเส้นบาง ๆ และหรอมแหรม การปัดมาสคาร่าจะยิ่งทำให้เห็นข้อบกพร่องชัดขึ้น และยังเน้นรอยดำหรือถุงใต้ตาให้เห็นชัดเจนขึ้นอีกด้วย เพราะมันเป็นการดึงดูดความสนใจไปยังจุดด้อยของคุณ
 

- หลักจากปัดขนตารอบแรก ไม่จำเป็นต้องรอจนกระทั่งมันแห้งถึงค่อยปัดรอบสอง เพราะมันจะยิ่งทำให้ขนตาติดกับแปรงและปัดได้ยาก ควรปัดขนตาต่อเนื่องกันไปจนครบตามต้องการ และควรทาให้เสร็จเป็นข้าง ๆ ไป

- ถ้าทำมาสคาร่าเปื้อนส่วนอื่นของดวงตา 
ควรรอให้มันแห้งก่อนแล้วค่อยใช้แปรงปัดออกมันจะกลายเป็นผงและหลุดออกมาง่ายกว่า การเช็ดออกตอนยังไม่แห้งจะทำให้เกิดเป็นรอยดำ หลังจากเช็ดออกแล้ว ถ้ายังเห็นรอยอยู่ให้ทาอายแชโดว์สีกลาง ๆ ทับลงไปเล็กน้อย 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก lisa ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต


เคล็ดลับของการเลือกขนตาปลอม

เคล็ดลับของการเลือกขนตาปลอม (อสมท.) ก่อนอื่นสาวๆ ต้องรู้จักเลือกแผงขนตาปลอมที่เข้ากับรูปตาของตัวเอง

สาวตาหมวย หลีกเลี่ยงขนตาปลอมแบบเป็นแผง ฐานของแผงขนตาปลอมนั้นจะหนักและถ่วงให้ดวงตาของคุณยิ่งดูเล็ก
ตี่เข้าไปอีกลองเลือกขนตาปลอมแบบช่อแทนดู

สาวตากลม มองหาแผงขนตาปลอมที่มีขนาดขนตาไล่ความยาว จากมุมหัวตาแล้วขนตาจะเริ่มยาวขึ้นช่วงกลางตา แล้วเริ่มสั้นลงช่วงหางตา ขนตาแบบนี้จะเสริมความกลมโตของดวงตาคุณให้สวยนิ้ง

สาวตารูปอัลมอนด์ หรือดวงตาแบบแคทอายส์เหมาะกับขนตาปลอมที่ช่วงหัวตาสั้นแล้วไล่ไปยาวช่วงหางตา

ขอขอบคุณข้อมูลจาก อสมท. และขอขอบคุณ Kapook.com


วิธีทําความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้า


คุณรู้หรือไม่ว่าอุปกรณ์การแต่งหน้าก็ควรจะมีการทำความสะอาด เช่นกัน มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาต่าง ๆ ที่คุณไม่อยากให้เกิดจะตามมา เช่น เป็นสิวอุดตัน ตุ่มนูนแดง เป็นต้น คุณจึงควรทำความสะอาดอุปกรณ์เหล่านี้ทุก 2-4 สัปดาห์ วันนี้เราจึงนำวิธีทําความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้ามาฝากกันค่ะ

คุณรู้หรือไม่! หากการละเลยและไม่ทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้าอาจทำให้เกิดปัญหาผิวพรรณที่คาดไม่ถึงตามมา ตั้งแต่เป็นสิวอุดตัน ตุ่มนูนแดง และมีหนองจากเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus ดังนั้นคุณจึงควรหมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์เหล่านี้ทุก ๆ 2-4 สัปดาห์

วิธีทําความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้า ได้แก่
1. แป้งพัฟหรือฟองน้ำทาตา ล้างด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ หรือสบู่ล้างหน้าปกติ ล้างเสร็จบีบให้แห้งนำไปซับบนผ้าขนหนูนิ่ม ๆ และปล่อยไว้บนผ้าขนหนูให้ลมพัดจนแห้งสนิท

2. ที่ดัดขนตา ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือครีมล้างหน้าบริเวณที่สัมผัสกับขนตาใช้กระดาษทิชชูเช็ดออกให้สะอาดแล้วเก็บไว้ในกล่อง

3. พู่กันต่าง ๆ หลังใช้ทุกครั้งควรปัดปลายพู่กันกับกระดาษทิชชูเพื่อลดฝุ่นสีที่ติดค้างแปรง ส่วนพู่กันทาปากต้องเช็ดสีออกทุกครั้งที่ใช้เสร็จและทุก 2- 4 สัปดาห์ ให้ล้างทำความสะอาดโดยแกว่งหรือสะบัดพู่กันไปมาในน้ำสบู่เพื่อให้ฝุ่นหรือสี ละลายออกแล้วบีบไล่น้ำทำซ้ำ ๆ จนสะอาด ใช้ผ้าขนหนูซับขนพู่กันจากนั้นนำไปห่อกระดาษทิชชูและผึ่งลมให้แห้ง



ขอขอบคุณข้อมูลจาก Health & Cuisine ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต


มาสคาร่าแห้ง "ห้ามเติมน้ำ"
คุณผู้หญิงรักสวยรักงามฟังทางนี้ดี ๆ นะจ๊ะโดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ชอบ การปัดขนตาเป็นชีวิตจิตใจด้วยแล้วยิ่งต้องฟังค่ะ เพราะมาสคาร่าแห้งของคุณห้ามเติมน้ำเด็ดขาดเลยค่ะ ถึงแม้ว่า มาสคาร่าแห้ง และแพงเพียงใดและถึงแม้ว่าคุณจะเสียดายมันก็ห้ามเด็ดใช้เด็ดขาดเลยค่ะ เพราะมันจะส่งผลถึงดวงตาอันสวยคมของคุณให้ต้องเสียตังเพิ่มได้นะค่ะ คือจะต้องไปพบแพทย์แทนนะค่ะ

ข้อห้าม! มาสคาร่าแห้ง
คุณผู้หญิงที่ชอบใช้เครื่องสำอางกับดวงตาระวังกันสักนิดนะจ๊ะ นอกจากจะต้องรักษาความสะอาดอุปกรณ์เครื่องสำอางที่ใช้กับดวงตาให้สะอาดแล้วอยากจะบอกว่า เจ้ามาสคาร่าที่คุณผู้หญิงที่ชอบใช้กันน่ะต้องสังเกตให้ดีเชียวล่ะ

จำไว้ว่าถ้ามาสคาร่าที่เราใช้อยู่เกิดแห้งกรังเมื่อไรให้ตัดใจทิ้งไปทันทีอย่าได้ใช้น้ำละลายหรือใส่น้ำลงไปเด็ดขาด ถึงแม้จะเป็นน้ำสะอาดก็เถอะ เพราะเชื้อแบคทีเรียจะแพร่ขยายจำนวนได้อย่างรวดเร็วเชียวล่ะและอาจเป็นอันตรายต่อดวงตาได้ แล้วถ้าซื้อเก็บไว้นานเกิน 3 เดือนจะเปิดหรือไม่เปิดก็ไม่ควรใช้เช่นกันเพื่อดวงตาอันเป็นที่รักต้องระวังกันนิดหนึ่งนะ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก คมชัดลึก ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต



อายแชโดว์ 3 สี สร้างความสดใส
วันนี้พาคุณมาสร้างความสดใสให้กับใบหน้าด้วยอายแชโดว์ 3 เฉดสี คุณ ๆ สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลยนะจ๊ะ จากนั้นถ้าเลือกได้แล้วก็มาเริ่มวิธีการทา อายแชโดว์ 3 สี ให้เข้ากับดวงตาคู่งามของคุณ ๆ กันเถอะ จะรอช้าอยู่ใยมาเริ่มกันได้ดีกว่า 
  
อายแชโดว์ 3 สี
1. สวยหวานสำหรับทุกวัน สีสดใสสามารถใช้ได้ทุกวันแม้แต่ในยามทำงาน มันจะช่วยทำให้ลุคแบบมืออาชีพดูมีชีวิตชีวาขึ้น แต่ควรใช้สีอ่อนบางที่สุดเพียงแค่เติมความสดใสแต่ไม่โดดเด่นจนเกินไป


 วิธีการ ใช้แปรงอายแชโดว์ปลายกลมมันจะช่วยกระจายสีได้ดีและทำให้สีที่ได้ไม่เข้มเกินไป สีพาสเทลที่มีเนื้อสีอ่อนบางจากแนวขนตาขึ้นไปจนเลยรอยพับเปลือกตาและเกลี่ยสีให้กลืนขึ้นไปใต้โหนกคิ้ว จากนั้นใช้อายแชโดว์สีแชมเปญทาใต้โค้งคิ้วเพื่อเปิดดวงตาให้ดูกระจ่างขึ้น 


2. เย้ายวนและอ่อนหวาน เป็นเวอร์ชั่นที่ยังคงดูอ่อนหวานอยู่แต่เติมความเซ็กซี่ลงไปเล็กน้อยสำหรับโอกาสพิเศษยามค่ำคืน หัวใจสำคัญก็คือการปล่อยให้สีได้มีโอกาสอวดตัวอย่างเต็มที่มากขึ้น

 วิธีการ ใช้แปรงกลมขนาดใหญ่ทาอายแชโดว์สีเทาหรือน้ำตาลจากแนวขนตาขึ้นไปจนถึงรอยพับเปลือกตา จากนั้นทาทับตามแนวขอบตาด้วยอายแชโดว์สีสดใสสีเข้มจะเบรกสีให้ไม่เจิดจ้าจนเกินไป เกลี่ยสีลงที่แนวขนตาล่างเล็กน้อยเพื่อเติมความคมเข้มมากขึ้นแล้วใช้แปรงปลายตัดจุ่มอายแชโดว์เฉดสีเดียวกันแต่อย่าเข้มกว่าแล้วเขียนเป็นเส้นขอบตาหนา ๆ


3. สาวเปรี้ยวสไตล์ร็อก หัวใจสำคัญคือ การเอาแนวสีดำที่เป็นสีเฉพาะของลุคแบบร็อกเกอร์เข้ามาผสมผสานกับสีฟ้าหรือสีสดใสอื่น ๆ เพื่อให้ได้สีดำที่เจือประกายสีซึ่งสดใสกว่าแต่ก็ยังดุดันแบบสาวร็อก

 วิธีการ ระบายสีสดใสเพื่อรองพื้นจากแนวขอบตาไปจนถึงรอยพับเปลือกตาจากนั้น ใช้อายแชโดว์สีดำระบายทับแนวขนตาทั้งขอบตาบนและล่าง จากหัวตาจรดปลายตาสีสดที่รองพื้นจะถูกเบรกความเข้มของสีดำให้จางลงและเติมความสดใสเข้าไป

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Lisa ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต







































































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น